ทริปสำรวจเลห์ ลาดัค แคชเมียร์ ศรีนาคา อัครา เดลลี ระหว่างวันที่ 5-16 สค.54

ทริปนี้เป็นทริปสำรวจ มีสมาชิกร่วมทริปทั้งหมด 12 คน ออกเดินทางเย็นวันที่ 5 สค.54 โดยการบินไทย ไปถึงสนามบินเดลลีประมาณ 3 ทุ่มกว่า กว่าจะผ่าน Immigration ก็เกือบสีทุ่ม นอนค้างคืนในสนามบินเดลลี (ปูเสื่อ)

เช้าตรู่วันที่ 6 สิงหาคม ตีสาม เช็คอินน์ ต่อเครื่องบินภายในประเทศ Kingfisher ของอินเดีย ไฟร์ท์ออกตีห้า บินไปเลห์ 6 โมงกว่าๆ รอเจ้าของโรงแรมที่ Ree York house มารับที่สนามบินเลห์ ประมาณครึ่งชั่วโมง เค้าบอกว่ารถติดในเลห์มาก หลังจากนั้นก็นั่งรถจี๊ปเดินทางสู่ที่พักในเลห์ Ree York House (เราพักที่นี่ถึง 4 คืนเต็ม) บ่ายโมงเอเย่นซี่ที่เราติดต่อเช่ารถจี๊ปมาหาทีโรงแรมพร้อมด้วยคนขับและรถจี๊ป 2 คัน ซึ่งจะพาพวกเราไปเที่ยวทั่วเลห์เป็นเวลา 6 วันเต็ม

วันที่ 6-10 สิงหาคม เที่ยวในลาดัก : Pangong Lake, Shey Palace, Stok palace, Leh Palace, Shanti stupa, Nubra valley, Hundar, Sandune, Samthanling monastery. Diskit gonpa, Thiksey monastery, Alchi gonpa.

วันที่ 7 สิงหาคม ไปเที่ยว Pangong Lake นั่งรถนานมาก กินข้าวเที่ยงริมทะเลสาบ น่าผิดหวัง เพราะฟ้าไม่เปิด มีแต่เมฆ ถ่ายรูปทะเลสาปออกมาไม่สวย

วันที่ 8 สิงหาคม ไป Nubra Valley (หุบเขาดอกไม้), และเที่ยววัด Diskit แวะถ่ายรูปที่ Sandune (หุบเขาทะเลทราย) แล้วไปพักค้างคืน ที่เมือง Hundar 1 คืน ที่ Snow Leopard Guest House (บรรยากาศดีมาก) ล้อมรอบไปด้วยสวนผัก สวนดอกไม้ สวนผลไม้ แอ๊ปเปิ้ล แอ๊ปปริคอร์ต พวกเราเด็ดกินกันซะพุงกาง คืนนี้นอนหลับสบายทุกคน เพราะที่นี่ตั้งอยู่ในที่ราบในหุบเขา แต่กลางคืนหนาวเย็นมาก ไม่มีใครมีอาการแพ้ความสูงกันเลย

วันที่ 9 สิงหาคม ออกไปขี่อูฐกันที่ Sandune แล้วนั่งรถกลับเลห์ แวะเที่ยววัด Samthanling พอถึงเลห์ก็ออกไปช๊อปปิ้งกัน ได้ผ้าพาสมิน่ามาฝากเพื่อนๆ 3 ผืน และเสื้อยืด โลโก้ เลห์-คารดุงลา พาส (ถนนเส้นที่สูงที่สุดในโลก) ไว้เป็นที่ระลึก 1 ตัว

วันที่ 10 สิงหาคม ไปเที่ยวทะเลสาบ Thadsuang, Moriri, Kar. กลับถึงเลห์ก็มืด ทานข้าวเสร็จออกไปช๊อปปิ้งในเมืองกันต่อ

วันที่ 11 สิงหาคม อำลาเลห์ นั่งรถจี๊ปเดินทางสู่เมืองศรีนาคา ระหว่างทางมีรถแทรคเตอร์จอดขวางทาง ซ่อมถนนอยู่เป็นระยะ ทำให้มีรถติดอยู่บนถนนยาวหลายกิโล กว่าจะหลุดไปได้แต่ละครั้ง ต้องรอนานมาก ทำให้เราอดไปที่เที่ยววัด Lamayura (หุบเขาพระจันทร์) เราแวะพักค้างคืนที่เมือง Kargil ที่โรงแรม Siachen เจ้าของอัธยาศัยดี โรงแรมค่อนข้างหรู อาหารอร่อย ทุกคนทานกันอย่างเอร็ดอร่อย เพราะได้ไก่ทอดรสชาดดีมาเรียกน้ำย่อย แอบเห็นบางคนแอบตักไก่ทอดตั้งสามชิ้น คงจะกระหายมาหลายวัน

วันที่ 12 สิงหาคม ออกเดินทางกันต่อ เราต้องออกจาก Kargil กันตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เพราะต้องการเลี่ยงรถแทรคเตอร์ที่ซ่อมถนนแบบเมื่อวานเราตั้งใจจะแวะ Sonamarg และขี่ม้าขึ้นไปชมวิว แต่พอไปถึงโซนามาร์ค ฝนดันตกลงมา เราก็เลยพลาดการไปชมวิวที่นี่ ด้วยความเสียดายสุดๆ ถึงบ้านเรือที่ Dal lake ตอนบ่าย พักบ้านเรือในทะเลสาบดาล (Dal lake) ชื่อ New Shorin House boat เรือสวยพอใช้ได้ เจ้าของบริการดี อัธยาศัยดี แต่ทำเลที่จอดเรือไม่ดี จอดอยู่ในคลองด้านหลังของทะเลสาป วิวไม่สวยเหมือนด้านหน้าทะเลสาป เดินทางไปไหนลำบากเพราะอยู่ไกลจากท่าเรือ ตอนบ่ายแก่ๆ นั่งเรือชิคาร่าออกไปต่อรถจี๊ปที่เจ้าของบ้านเรือติดต่อไว้ให้ ออกไปเที่ยว Nisha garden สวนสวยมาก ดอกไม้สวย มีหลากหลายชนิด ดอกรักเร่ มีมากมายหลายสี ขนาดใหญ่มาก โตกว่าหน้าเราอีก คืนแรกที่บ้านเรือ กินข้าวกับแกงไก่และไข่เจียว อร่อยมาก กินข้าวกันซะเกลี้ยงหม้อ (หลายวันแล้วมี่ไม่มีเนื้อสัตว์ตกถึงท้องเพราะตอนอยู่ที่ลาดัคส่วนมากกินแต่มังสะวิรัติ ไม่ค่อยมีเนื้อสัตว์ให้ทาน เลยกินเหมือนหนูน้อยผู้หิวโหย

วันที่ 13 สิงหาคม ไปเที่ยว Pahalgam นั่งรถจี๊ปไปประมาณ 3 ชม.แวะขโมยเด็ดแอ๊ปเปิ้ลที่สวนของชาวข้างทาง คนขับรถบอกว่าเก็บทานได้ เจ้าของไม่หวง แค่คนละลูกสองลูก ไปถึง Pahalgam ทานมื้อเที่ยงที่ร้านภัตตาคารอินเดีย อาหารอินเดียมังสะวิรัติ ไม่มีเนื้อสัตว์ หลังอาหาร ขี่ม้าขึ้นไปชมวิวที่ Baisaran วิวสวยมาก บรรยากาศดี อากาศเย็นสบาย มีคนเอากระต่าย แกะ แพะ มาให้อุ้มถ่ายรูป ค่าถ่ายรูปคนละ 10 รูปี กลับลงมาสำรวจโรงแรมที่ Pahalgam มีที่หนึ่งถูกใจ สวย สะอาด บรรยกาศดี ราคาไม่แพง ทริปต่อไปปีหน้าเราจะไปพักที่นี่สักคืน กลับถึงบ้านเรือตอนเย็น ใกล้มืดเจ้าของบ้านเรือ เรียกเรือชิคาร่ามารับพวกเราไปเที่ยว Night Market (Floating Market) ซึ่งก็คือร้านค้าที่ขายของต่างๆ อยู่ในเรือ แต่ละร้านจัดประดับร้านอย่างสวยงาม มีทั้งเสื่อผ้าเมืองหนาว กระเป๋า หมวก ผ้าพาสมิน่า พรม ไม้แกะสลัก สินค้าสวยๆ น่าซื้อทั้งนั้น แต่พวกเราซื้อกันแล้วที่ลาดัค และที่โซนามาร์ค กลับมาทานมื้อเย็นที่บ้านเรือ เป็นแกงแพะ มีกลิ่นสาบนิดหน่อย ให้พอรู้ว่าเป็นแพะ รสชาดดี แต่ไม่อร่อยเท่าแกงไก่เมื่อคืนวาน แต่ก็เรียบหมดทุกอย่างตามเคย

วันที่ 14 สิงหาคม ออกไปตลาดน้ำแต่ตีห้า ซึ่งก็คือตลาดผักผลไม้และดอกไม้ที่ชาวบ้านพายเรือมาซื้อขายแรกเปลี่ยนกันกลางทะเลสาบคล้ายตลาดน้ำบ้านเรา ไปดูเฉยๆ ไม่ได้ซื้ออะไร แล้วกลับมาทานมื้อเช้า แล้วเก็บของอำลาบ้านเรือ ขึ้นรถไปสนามบินศรีนาคา แวะช๊อปปิ้งที่ Central Market ก่อนเข้าสนามบินรถติดยาว เพราะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจเข้มมาก ใช้เครื่องเอ็กซเรย์ตรวจรถยนต์ที่ผ่านเข้าไปภายในสนามบินทุกคัน เราไปถึงสนามบินเกือบสาย แต่เครื่องบิน Kingfisher ที่พาเราไปเดลลีสายกว่าเราอีก สายประมาณครึ่งชั่วโมง เราซื้อมื้อเที่ยงทานแบบง่ายๆในสนามบินศรีนาคา ราคาไม่แพงเหมือนอาหารในสนามบินบ้านเรา เราบินไปถึงเดลลี มีรถมารับที่สนามบินพาไปอัครา นั่งรถไปอัคราประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ แวะทานมิ้อเย็นระหว่างทาง (เป็นร้านอาหารอินเดียแบบมังสะวิรัติอีกแล้ว เข็ดจริงๆ ร้านอาหารอินเดีย เบื่ออาหารมังสะวิรัตมาก ร้านนี้แม้แต่ไข่เจียวยังไม่มีขาย น่าจะเป็นร้านอาหารเจซะมากกว่า) เราไปถึงอัคราดึกมากแล้ว พักที่โรงแรม Sheela ซึ่งอยู่ใกล้ทัชมาฮาลมากๆ

วันที่่ 15 สิงหาคม ออกไปเที่ยวทัชมาฮาล ยิ่งใหญ่อลังการณ์จริงๆ ไม่ทำให้ผิดหวัง สมกับที่รอคอยมานาน ตอนบ่ายไปต่อกันที่อัครา ฟอร์ต ซึ่่งเป็นป้อมปราการ ที่เคยเป็นที่คุมขังกษัตริย์ ชาร์จาฮาล โดยพระโอรสของพระองค์เอง พระองค์เป็นผู้สร้างทัชมาฮาลเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่มเหสีที่รักเราออกจากอัครากันตอนบ่ายแก่ๆ นั่งรถกลับเดลลี แต่เนื่องจาก วันที่ 15 สิงหาคมเป็นวันชาติของอินเดีย คนอินเดียออกมาเที่ยวกันอย่างมากมายเป็นพิเศษ (เหมือนวันแรงงานบ้านเรา) ทำให้รถติดอย่างหนัก หันไปดูเพื่อนร่วมทริปที่นั่งมาในรถคันเดียวกัน ทุกคนนั่งเงียบกริบ จากตอนแรกที่คุยกันเฮฮามาครึ่งทาง เปลียนมาเป็นเครียด เพราะกลัวตกเครื่อง เรานั่งปลุกพระตลอดทาง โชคดีที่คนขับรถหาทางเลี่ยงรถติดไปอีกทาง แต่ก็ไกลกว่าทางหลักมาก ไปถึงสนามบิน ขึ้นเครื่องอย่างเฉียดฉิว ลาก่อนอินเดีย แล้วพบกันอีกปีหน้า

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments