ทริปทิเบต & EBC เดินทางเข้า-ออกทางเนปาล
ทิเบต ดินแดนศักดิ์สิทธิ์บนหลังคาโลก ที่นักท่องเที่ยวหลายคนต่างใฝ่ผัน ว่าจะต้องไปเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต และถึงแม้ว่าทิเบตจะอยู่ภายใต้การปกครองของจีนไปแล้ว แต่ทิเบตก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของตนเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่นน่าชื่นชม ท่านจะได้สัมผัสกับความงดงามแปลกตามิรู้เบื่อของทัศนียภาพระหว่างทาง ทั้งยอดเขาสูง วิวพาโนรามาของเทือกเขาหิมาลัย หุบโตรกสูงชัน ทะเลสาบที่มีภูเขาหิมะเป็นฉากหลัง ดูสวยงามแปลกตามีเสน่ห์ไม่รู้เบื่อ เดินทางผ่านที่ราบที่สูงที่สุดในโลก ชมอารามเก่าแก่มีชื่อเสียงของทิเบต และไฮไลท์ของทริปคือ พระราชวังโปตาลาแห่งกรุงลาซาและยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก และทีสำคัญที่สุด คือเราจะพาท่านเข้าไปชม Everest Base Camp อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ท่านได้ชื่นชมกับยอดเขา Everest อย่างใกล้ชิดและยอดเขาสูงๆสวยๆ บริเวณใกล้เคียง
การเดินทางสู่ทิเบต รัฐบาลจีนออกกฏใหม่ ให้เข้าทิเบตโดยผ่านทางกาฐมาณฑุ เนปาลเท่านั้น ทริปนี้เราเลือกที่เดินทางโดยนั่งรถออกจากกาฏมาณฑุสู่ชายแดนโกดาริ ผ่านด่านฉางมูสู่ทิเบต โดยการนั่งรถไต่ความสูงไปเรื่อยๆ จนถึงกรุงลาซา และใช้เวลาเที่ยวชมพระราชวังและวัดต่างๆในทิเบตอีก 2 วัน แล้วเราจะนั่งเครื่องจากกรุงลาซากลับกาฐมาณฑุ เนปาล เราเชื่อว่าการเดินทางแบบนี้ จะเป็นผลดีกับนักท่องเที่ยว เพราะร่างกายจะค่อยๆปรับสภาพ ไม่เกิดอาการแพ้ความสูง นอกจากนั้นท่านจะได้ชื่นชมกับทัศนีย์สวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจระหว่างเส้นทางที่นั่งรถสู่ทิเบต  เพราะเราเชื่อว่าการเดินทางผ่านเข้าทิเบตทางเนปาล นักท่องเที่ยวจะสามารถชื่นชมกับธรรมชาติที่สวย งามแปลกตามิรู้เบื่อ และยังสามารถจอดรถเพื่อชมวิว ยืดเส้นยืดสายและถ่ายรูปกับทิวทัศน์ที่สวยงามระหว่างทาง การเดินทางที่ต่อเนื่องและได้มีเวลาหยุดชมวิวระหว่างทาง ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับอรรถรถในการชมธรรมชาติมากกว่าการเดินทางเข้าทิเบตจากทางจีนที่ต้องถูกบังคับให้อยู่แต่ในรถไฟเป็นเวลานาน ขอยืนยันค่ะ
ทริปนี้สมาชิกจะได้เที่ยวสองประเทศ คือเนปาลและจีน เราจะบินไปลงที่สนามบินกาฐมาณฑุ เนปาลก่อน และจะพักค้างคืนในทาเมล 2 คืนก่อน เพื่อรอทำเพอร์มิตเข้าทิเบต ระหว่างที่รอ เราก็จะพาท่านไปเที่ยวสถานที่สำคัญในเนปาล 2 วัน พอวันที่สาม เราจะนั่งรถจากกรุงกาฐมาณฑุสู่ชายแดนโกดาริเนปาลสู่ด่านฉางมู อันเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่ทิเบต เราแวะพักค้างคืนที่โรงแรมระหว่างทางไปเรื่อยๆ จนถึงกรุงลาซา แล้วก็จะพาเที่ยวในกรุงลาซา และสถานที่สำคัญตามโปรแกรม ขากลับก็จะนั่งเครื่องบินจากลาซากลับกาฐมาณฑุและพักกาฐมาณฑุ 1 คืนก่อน แล้วจึงบินกลับเมืองไทยในวันรุ่งขึ้น

ช่วงที่น่าเดินทางที่สุดของทริปนี้คือ
ระหว่างปลายเดือนสิงหาคม – ต้นเดือนตุลาคม ของทุกปี เพราะอากาศไม่หนาวเย็นเกินไป

โปรแกรมการเดินทาง
วันที่ 1 :  กรุงเทพฯ-กาฐมาณฑุ (BKK – KTM)
08.30 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 เคาน์เตอร์ H
10.35 น. เหิรฟ้าสู่ เนปาล ด้วยไฟร้ท์ TG319 การบินไทย
12.45 น. ถึงสนามบินตรีภูวัน ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง  หลังจากนั้นพาท่านขึ้นรถตู้สู่ที่พักในย่านทาเมล เช็คอินน์ เก็บสัมภาระ หลังจากนั้นพาท่านเดินทางไปชมจัตุรัสปาทัน (Patan Durbar Square) หรืออาณาจักรละลิตปูร์ เป็นเมืองที่งดงามมีชื่อเสียงด้านทองเหลือง ชมวัดคราบาฮ์หรือวัดทอง ซึ่งเป็นอารามที่พักทางจิตวิญญาณและทางศาสนาอันเก่าแก่ สร้างอุทิศแด่พระราชินีพระองค์หนึ่งในศตวรรษที่ 12 ตัวอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ หลังคาสามตอนทางด้านหน้าตกแต่งอย่างงดงามบรรเจิดด้วยทองแดง มีสิงห์คู่อยู่ที่ประตูทางเข้า ภายในเป็นที่ประดิษฐานของเทวรูปต่างๆ ชมวัดคุมเบชวาร์ ซึ่งเป็นวัดหนึ่งในสามแห่งในหุบเขาที่มีหลังคาห้าชั้น วัดนี้สร้างอุทิศแด่พระศิวะ
17.00 น. : พาท่านกลับที่พัก ปล่อยอิสระ
19.00 น. : ทานมื้อเย็นด้วยกัน ที่ Yak Restarant  แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนหรือใครอยากเดินชมแสงสียามค่ำคืนของเมืองทาเมล หรืออยากจะช๊อปปิ้งกันต่อ ก็ปล่อยตามอัธยาศัย

วันที่ 2 : Sightseeing around Kathmandu (เที่ยวชมเมืองกาฐมาณฑุ)
07.00 น. : ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม
08.00 น. : พาท่านนั่งรถไปชมวัดลิง หรือ Swayambhunath ซึ่งเป็นวัดทางพุทธศาสนาแบบทิเบต มีพระลามะจำพรรษาอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นวัดที่มีสถูปดวงตาเห็นธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในเนปาล ตัววัดตั้งอยู่บนเนินสูง มองลงมาเห็นวิวของเมืองกาฐมาณฑุ ที่องค์เจดีย์มีคิ้วและดวงตาทั้งสี่ทิศ เป็นเจดีย์ทางพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงและมีอายุเก่าแก่มากกว่า 2000 ปี ตัวสถูปครึ่งวงกลมสีขาว เป็นสัญลักษณ์ แทนธาตุทั้งสี่ (ดิน น้ำ ลม ไฟ) ข้างบนเหนือองค์สถูปมีปล้องไฉนมีเหลืองทองอร่าม 13 ชั้น เป็นสัญลักษณ์แทนระดับธรรม 13 ขั้น ก่อนบรรลุพระนิพพานของพระพุทธเจ้า
เที่ยง : ทานมื้อเที่ยงพร้อมกันที่ร้านอาหารในกาฐมาณฑุ
บ่าย : พาท่านไปชมเจดีย์โบดะนาถ (Bhoudanath Stupa) ชมเจดีย์ดวงตาเห็นธรรมที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล องค์สถูปทรงกลมสีขาวมี ดวงตาเห็นธรรมสีแดง เหลือง และน้ำเงิน เป็นที่ตั้งของชมชนชาวทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล เป็นศูนย์กลางทางศาสนาแบบทิเบตที่เจริญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีบ้านเรือนสีสันสดใสตั้งอยู่รายรอบตัว ตัวเจดีย์ มีร้านค้าขายสินค้าต่างๆ และของที่ระลึกอยู่รอบๆเจดีย์ หลังจากนั้นพาท่านกลับที่พัก ปล่อยให้พักผ่อนตามอัธยาศัย
16.00 น.พาท่านเดินเท้าประมาณ 15 นาทีจากที่พัก ไปชม Kathmandu Durbar Square ซึ่งเป็นพระราชวังโบราณ ปัจจุบันเป็นที่พำนักขององค์กุมารี เปิดโอกาสให้ท่านเดินชมและถ่ายรูปรอบๆพระราชวัง หลังจากนั้นก็ปล่อยท่านฟรีสไตล์ ให้ท่านได้เดินช๊อปปิ้ง เลือกซื้อสินค้าที่ท่านอยากได้เป็นของตัวเอง หรือซิ้อเป็นของฝากของขวัญแด่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง
19.00 น. ทานมื้อเย็นด้วยกันที่ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก แล้วปล่อยให้ ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่ 3 : Katmandu to Nyalam (ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 3750m)-123 Kms.
หลังอาหารเช้านั่งรถออกจากกาฐมาณฑุ สู่ชายแดนโกดาริ(Kodari) ใช้เวลาประมาณ 6 ชม. หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว นั่งรถขึ้นเขาสู่เมืองชางมู (Zhangmu) พบไกด์ชาวทิเบตนำกรุ๊ปผ่านด่านตรวจสู่เมืองนียาแลม(Nyalam) ลัดเลาะตามแม่น้ำ Bhote Koshi ซึ่งอยู่ลึกลงไปในหุบเขาเบื้องล่าง ชมทิวทัศน์ที่สวยงามสองข้างทาง พักค้างคืนที่เมืองนียาแลม( Nyalam)

วันที่ 4 : Nyalam to Tingri (4390m) -147 Kms
หลังอาหารเช้า นั่งรถอีกประมาณ 5-6 ชม. สู่เมืองทิงริ ข้ามพาส 2 แห่ง Nyalam pass(3,800 m.) Lalung La pass (5,082 m.) พาสสูงสุดของเส้นทางนี้ สามารถมองเห็น Mt. Everest (8848m) Jugal Himal, Mt. Makalu (8464m) และอื่นๆ พักที่เมืองทิงรี


วันที่ 5 : Tingri (4390m) to Rongbuk (5100m) – 105 Kms.
หลังอาหารเช้า นั่งรถสู่เมือง Rongbuk ใช้เวลาไม่นานนัก แล้วเยี่ยมชม Rongbuk Monastery เป็นวัดที่ตั้งอยู่ที่สูงที่สุดในทิเบต ชมวิวยอดเขาเอเวอร์เรสต์ ซึ่งชาวทิเบตเรียกว่า โชโมลังมา พักค้างคืนที่ Rongbuk Guest House

วันที่ 6 : Rongbuk – Everest Base Camp (5100m.) – Xigatse (3900 m) 304 kms.
หลังอาหารเช้า เดินทางสู่ Everest Base camp ด้วยรถเทียมม้า ตามถนนคดเคี้ยว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชม Mt. Everst คือตอนเช้าและเย็น ซึ่่งสามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัย มากมายหลายยอด รวมถึงยอดเขาที่มีความสูงกว่า 8,000 ม. เช่น Makalu, Lhotse, Everest, Gyachung และ Cho Oyu ถ่ายรูปกันให้จุใจ แล้วพาท่านนั่งรถม้ากลับ Ronbuk และนั่งรถต่อไปเมือง Xigatse ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของทิเบตอยู่ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำยาร์หลุงซางโพ ห่างจากเมืองลาซาไปทางตะวันตก 360 กิโลเมตร พาท่านเยี่ยมชม อารามตาชิลุนโป (Tashilhunpo Monastery) เป็นที่พำนักของพระในตำแหน่งปันเชนลามะ ถึงแก่มรณะกรรมในปี ค.ศ. 1989 เป็นบุคคลสำคัญอันดับ 2 รองจากองค์ทะไลลามะ ก่อสร้างขึ้นในปีค.ศ.1447 โดยศิษย์ของพระซง-กัมปา ได้รับการต่อเติมในช่วงศต.17 และ 18 ในอดีตอารามแห่งนี้เคยมีพระจำวัดถึง 4000 รูป ปัจจุบันเหลือเพียง 600 รูป อาคารที่สำคัญที่สุดในอารามแห่งนี้คือ หอพระเมตไตรย์ ที่ประดิษฐานพระรูปพระศรีอริยะเมตไตรย์ สีทองวาว สูง 26 เมตร และ อนุสาวรีย์ปันเชนลามะองค์ที่ 4 สร้างในค.ศ.1662 เป็นอนุสาวรีย์สูง 11 เมตร ตกแต่งด้วยทองคำ เงิน และแร่รัตนชาติมีค่าจำนวนมาก ด้านหลังอารามมีกำแพงหินสูงอยู่บนแนวเขาที่ลาดชัน ในวันเทศกาลใช้เป็นที่แขวนผ้าธังกา พักค้างคืนที่เมืองชิกัตเซ่ (Xigaste)

วันที่ 7 : Xigaste to Gyantse (3950m) – 90 kms.
หลังอาหารเช้าเดินทางต่อสู่ เมืองเจียนเซ่ (Gyantse) เป็นเมืองเล็กๆ คล้ายหมู่บ้านที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีนแต่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของทิเบตใต้ ผู้คนที่มาที่นี้ส่วนใหญ่เพราะว่าอยู่ในเส้นทางสายท่องเที่ยวไปยังชายแดนภูฏานและสิกขิม ชมวัด Phalkor ซึ่งศาสนสถานประจำเมืองอายุกว่า 600 ปี เป็นเขตสงฆ์ ภายในเคยเป็นที่ตั้งของอารามวัดหลายนิกาย มีสถูปคุมบุม (Khumbum) สูง 32 เมตร ตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่ สถูปนี้เป็นสถาปัตยกรรมชั้นเลิศของทิเบต ก่อสร้างตามแบบมันดาลาใน ลักษณะ 3 มิติ เป็นสัญลักษณ์แทนเขาพระสุเมรุ ปลายยอดสถูปเป็นหอประดิษฐานพระพุทธรูป มุมในทิศหลักทั้งสี่รอบตัวสถูปมีเจดีย์ตั้งอยู่ พื้นที่รอบตัวสถูปมี 4 ชั้น ทางเข้าไปสู่ส่วนกลางของสถูปเป็นสัญลักษณ์แทนทางศักดิ์สิทธิ์ที่จะนำไปสู่ การปลดปล่อยวิญญาณ ค้างคืนที่เมืองเจียนเซ่ (Gyantse)

วันที่ 8 : Gyantse to Lhasa(3650m) via Yamdrok lake-259 Kms.-Jokang temple
วันนี้นั่งรถประมาณ 8 ชม. ก็จะถึง Lhasa ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางอันสวยงามมาเรื่อยๆ ผ่าน Kara La (5010 ม.) และ Kamba La (4794 ม.) ทะเลสาบ Yamdrok Tsoเป็นทะเลสาบสีเทอควอยซ์หนึ่งในสี่ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์แห่งของทิเบต ลักษณะคล้ายแมงป่อง ข้ามแม่น้ำ Yarlung Tsangpo หรือแม่น้ำพรหมบุตร(Brahamaputra) มีต้นกำเนิดจากภูเขาไกรลาศ และเห็นพระราชวังโปตาลาอยู่ลิบๆ รออยู่เบื้องหน้า
ชมวัด  Jokhang หรือ ต้าเจ้า เป็นวัดเก่าแก่มากกว่า 1300 ปี และเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดวัดหนึ่งในทิเบต สร้างขึ้นเพื่อฉลองการอภิเษกสมรสของพระเจ้าซองซันกัมโป กษัตริย์แห่งทิเบตกับเจ้าหญิงเหวินเฉิงแห่งราชวงศัถัง วัดตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองลาซา สร้างขึ้นในปีค.ศ.601(ราชวงศ์ถัง) วัดต้าเจ้ามีความหมายว่าสถานที่ประดิษฐานพระคัมภีร์เป็นสถาปัตยกรรมที่ผ่านการผสมผสานอย่างลงตัวของศิลปะสมัยถังของจีนและศิลปะทิเบต สามารถชมทัศนียภาพหลังคาสีทองของพระวิหารได้อย่างชัดเจน เต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังเป็นพื้นที่กว่า 2,600 ตารางเมตร โดยมากเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและประวัติบุคคลสำคัญต่างๆ ของทิเบต นอกจากนี้ภายในยังเก็บวัตถุโบราณมีค่าอีกมากมาย
ชมตลาดบาคอร์หรือไป่เจี่ยว เป็นเส้นทางสายศักดิ์สิทธิ์รอบวัดต้าจ้าว ตลอดสองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยร้านรวงขายของสินค้านานาชนิด ตั้งแต่ ธงสวด ภาพพิมพ์เกี่ยวกับพุทธศาสนา พระธรรมคัมภีร์ เครื่องประดับ เสื้อผ้า ไขจามรี ธูปหอม ฯลฯ สินค้าหลายชนิดนำเข้าจากประเทศเนปาล บริเวณนี้ยังเป็นแหล่งชุมชนของชนพื้นเมืองทิเบตในเครื่องแต่งกายตามวัฒนธรรมเดิม ดูแปลกตาน่าสนใจยิ่งนัก พักค้างคืนในลาซา

วันที่ 9 : Potala palace – Drepung monastery – Sera monastery
08.00 น. ทานอาหารเช้า
เ09.00 น. เที่ยวชม พระราชวังที่สูงที่สุดในโลก พระราชวังโปตาลามีทั้งหมด 13 ชั้น และมีชั้นล่างใต้เนินเขาหินอีก 4 ชั้น ซึ่งมี 1000 ห้อง มีแท่นบูชา 1000 แท่น ผู้สร้างคือองค์ดาไลลามะที่ 5 ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 48 ปี เป็นสถานที่สำคัญที่สุดของกรุงลาซาตั้งอยู่ใจกลางเมืองลาซาบนเขาแดง มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 3,700เมตร ซึ่งชื่อของพระราชวังนั้นมีความหมายมาจากภาษาอินเดียโบราณแปลว่า ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระโพธิสัตว์ สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าสรองตาสันคัมโป กษัตริย์องค์ที่32 แห่งราชวงศ์ถู่ฟาน  โดยรอบๆ ของพระราชวังยังประกอบไปด้วย โรงเรียนสอนศาสนา กุฎิพระและห้องหับต่างๆ ทางปีกตะวันตกและออก ยังมีเขตเมืองเก่า เทศบาลท้องถิ่น โรงพิมพ์พระคัมภีร์ คุกคุมขัง สระน้ำและสวน พระราชวังโปตาลามีสถานะเป็นพระราชวังฤดูหนาวขององค์ดาไลลามะ เป็นที่ประกอบกิจกรรมทางการเมืองการปกครองและศาสนกิจมาโดยตลอด ถือว่าเป็นศูนย์กลางอำนาจของอาณาจักรและ ศาสนจักรของทิเบต และเป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นเอกทางด้านศิลปวัฒนธรรมและศาสนาของ ชนชาติทิเบตอีกด้วย
ชม Drepung monastery เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของทิเบตและของโลก ในอดีตยุคที่รุ่งเรืองมีลามะอยู่ประมาณ 7,000 กว่ารูป ปัจจุบันมีเพียง 700 กว่ารูป สร้างเมื่อปีค.ศ.1416โดยเหล่าสาวกของพระซงกัมปา ในอดีตนั้นอารามแห่งนี้เป็นศูนย์กลางความเคลื่อนไหวทางการเมืองและยังเป็นที่ประทับขององค์ดาไลลามะก่อนที่พระราชวังโปตาลาจะสร้างเสร็จ เป็นที่ตั้งสถูปบรรจุพระศพขององค์ดาไลลามะที่ 2 องค์ที่ 3 และองค์ที่ 4
ชม Sera monastery เป็นวิทยาลัยสงฆ์ มีลามะอยู่ประมาณ 600 กว่ารูป ห่างจากลาซา 5 กม. สร้างเมื่อ ค.ศ.1419 โดยเหล่าสาวกของพระซงกัมปาเช่นเดียวกับเดรปุงบนพื้นที่ที่เคยเป็นกระท่อมที่พระซงกัมปาศึกษาธรรมและปฎิบัติกรรมฐานอยู่หลายปี เวลาบ่าย 3 โมง ลามะจะมาปุจฉา-วิสัชนาธรรมกันในบริเวณสวนของวัด ด้วยลีลาท่าทางขึงขังและจริงจัง พักในลาซาอีกคืน

วันที่ 10 : Lhasa fly to Kathmandu by Trans Himalayan Flight
06.00 น. เดินทางสู่ Gonggar Airport ประมาณ 1.30 ชม. บอกลาดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ “Kale syu rong na” (good-bye)
10.00 น. นั่งเครื่องบินกลับกาฐมาณฑุ ใช้เวลาบินประมาณ 1.10 ชม. ชมทิวทัศน์ที่สวยงามเหนือเทือกเขาหิมาลัย นับว่าเป็นหนึ่งในสิบเที่ยวบินที่สามารถมองเห็นวิวที่สวยที่สุดในโลก สามารถมองเห็นแม่น้ำ Yalung Tsangpo, ทะเลสาบ Yamdruk, ยอดเขา Makalu (8463 m. และยอดเขา Kancenjunga (8586 m.), ยอดเขา Everest (8848 ม.)
10.20 น. (เวลาที่เนปาล) ถึงกาฐมาณฑุ นั่งรถเข้าที่พักในย่านทาเมล
12.00 น. ทานอาหารกลางวัน และปล่อยท่านตามอัธยาศัย จะออกไปชมเมืองกาฐมาณฑุ หรือชอปปิ้ง
18.30 น. ทานอาหารเย็นพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
วันที่ 11 : กาฐมาณฑุ-กรุงเทพฯ
เวลา 05.30 น. ทานอาหารเช้า
เวลา 06.00 น. เดินทางสู่สนามบิน เช็คอิน
เวลา 08.30 น. บินกลับ กรุงเทพ ด้วยเที่ยวบิน TG 320
เวลา 12.30 น. ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
***โปรแกรมอาจปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของเวลาและสถานที่โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้จะยึดถือและคำนึงถึงผลประโยชน์ตลอดจนความปลอดภัยของผู้ร่วมทางเป็นสำคัญ**

อัตราค่าทริป ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิก กรุณาโทรสอบถามคุณศิริพร : 092-4341166, 081-8183286
Line ID : sk_pond                  อีเมลล์ : s_pond2010@hotmail.com

อัตรานี้รวมถึง
– ค่าวีซ่าเนปาล และเพอร์มิตเข้าทิเบต
– ค่าเครื่องบิน จากลาซากลับกาฐมาณฑุ ด้วย Trans Himalayan Flight รวมภาษีสนามบิน
– ค่ารถรับส่งภายในกาฐมาณฑุตลอดรายการ
– ค่ารถรับ-ส่งจากเนปาลไปชายแดนทิเบตและค่าธรรมเนียมผ่านแดน
– ค่ารถรับ-ส่งจากด่านฉางมูไปทิเบตและพาเที่ยวในทิเบตจนจบทริปและส่งที่สนามบิน Gongar ในลาซา
– ค่าที่พักระหว่างเดินทางเข้าทิเบตและที่พักในกรุงลาซารวม 7 คืน รวมอาหารเช้าทุกมื้อ
– ค่าไกด์ทเบต 1 คน
– ค่าตัวผู้ำทริปจากเมืองไทย 1 คน
– ค่าประกันอุบัติเหตุวงเงิน 1,000,000 บาท
– ค่าที่พักในทาเมล 3 คืน รวมอาหารทุกมื้อ
– ค่าธรรมเนียมเข้าชมวัดและพระราชวังต่างๆในกาฐมาณฑุ เนปาล
– ค่าเข้าชมวัดและพระราชวังต่างๆ ในทิเบต

อัตรานี้ไม่รวมถึง
– ค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ การบินไทย TG  มีตั๋วโปรออกมาแล้วค่ เดินทาง กค.- สิ้นเดือนกย.55) ราคาประมาณ 13000 บาท)
– ค่าอาหารมื่อเทียงและเย็นระหว่างการเดินทางเข้าทิเบตและในกรุงลาซา
– ค่าเรียกรถไปเทียวที่ต่างๆ นอกเหนือจากที่ระบุในรายการ
– ค่ารถม้าหรือรถโฟร์วีลเข้าไปชม Everest Base Camp (ไปจ่ายกันเองที่จุดเรียกรถ)
– ค่าน้ำดื่มระหว่างการเดินทาง
– ค่าทิปไกด์และคนขับรถ

กรุณาโทรสอบถามที่ คุณศิริพร เบอร์โทร : 081-8183286   092-4341166
ไลน์ ID : sk_pond    อีเมลล์ : s_pond2010@hotmail.com    ใบประกอบธุรกิจนำเที่ยวเลขที่ 11/06268

การจองทริป
โอนเิงินค่ามัดจำ 10000 บาท พร้อมใบจองตั๋วเครื่องบิน BKK-KTM ก่อนเดินทางอย่างน้อย 45 วัน
ในกรณีที่ต้องการให้จองตั๋วเครื่องบิน TG ให้ กรุณาโอนเงินค่าตั๋ว (เช็คค่าตั๋ว ณ วันที่โอนเงิน)
ค่าทริปที่เหลื่อ จ่ายก่อนเดินทาง 15 วัน ตอนนัดพบเพื่อรับพาสปอร์ตไปทำวีซ่า

รายละเอียดการโอนเงินค่าทริป
ศิริพร ซุยกิม
ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 2
ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 383 202091-5

หมายเหตุ : ทริปนี้เป็นทริปสำรวจ เราจัดทริปขึ้นมาเพื่่อต้องการเก็บรายละเอียดเรื่องเส้นทาง วิวทิวทัศน์ ที่พัก อาหารและเอเย่นซี่ท้องถิ่น เรื่องความสะดวกสบายอาจจะไม่มีมากนัก บางวันต้้องพักในแคมป์ระหว่างทางไปทิเบต  ต้องนั่งรถไกลและนาน เพราะฉะนั้นก่อนตัด สินใจร่วมทริป กรุณาทำใจก่อนนะคะ เรื่องอาหารการกินระหว่างทางไม่อาจคาดการณ์ได้ แต่เราก็จะพยายามเตรียมเอาอาหารแห้งจากเมืองไทยไปให้มากที่สุดเท่าที่พอจะขนไปไหว คนที่ติดเรื่องความสะดวกสบาย และมีปัญหาเรื่องสุขภาพ กรุณางดการร่วมทริป เรารับเฉพาะขาลุย พร้อมที่เดินทางจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราได้เท่านั้นค่ะ

HiT & HoT Tour Limited Partnership                                    www. easy-on-tour.com