โปรแกรมการเดินทาง : 25-26 พฤศจิกายน 2565
วันแรก : กรุงเทพ – ย่างกุ้ง (ชมเจดีย์ชเวดากอง – เจดีย์โบดาทาวน์ – ไหว้เทพทันใจ – พระหินอ่อน พระเขี้ยวแก้ว – พระนอนตาหวาน)
06.45 น. : นั่ง Lion Air ไฟร้ท SL 200 รอบเช้าไปลงสนามบินย่างกุ้ง
07.35 น. : ถึงสนามบินย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของเมียนมาร์ พาไปแลกเงินจ๊าดในสนามบิน จากนั้นนั่งรถยนต์ที่เอเจ้นส่งมากรับ พาไปสักการะ เจดีย์ชเวดากอง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่ของเมืองของพม่า เป็นพระมหาเจดีย์สีทองเหลืองอร่าม มีความสูงถึง 105 เมตร หรือเทียบเท่ากับตึก 36 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาสิงคุตระ เมืองย่างกุ้ง เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระโคตมพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น ยอดสุดขององค์เจดีย์บริเวณลูกแก้วหรือหยาดน้ำค้างประดับด้วยเครื่องประดับต่างๆ และเพชรจำนวน 5,448 เม็ด ชั้นบนสุดมีทับทิม 2,317 เม็ดและมีเพชรเม็ดใหญ่ 76 กะรัต เพื่อไว้รับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ผู้ที่เข้ามาสักการะพระมหาเจดีย์จะต้องถอดรองเท้าและถุงเท้าทุกคน การไปสักกาะเจดีย์ ถ้าเป็นผู้หญิงต้องสวมกระโปรงหรือผ้าถุง ถ้าใครไม่ได้เตรียมไป ที่นั่นมีผ้าถุงให้เช่า จากนั้นต้องขึ้นลิฟท์ไปข้างบน มีดอกไหม้ธูปเทียนสำหรับสักการะไว้จำหน่าย ข้างบนนี้มีพื้นที่กว้างขวาง มีองค์พระ องค์เทพมากมายให้เราได้สักการะบูชาตามจิตศรัทธา ที่นิยมไปไหว้กันก็คือ พระอุปคุต ซึ่งหมายถึงพระที่ยังมีชีวิตอยู่และจะอยู่รอจนถึงยุคพระศรีอาริยเมตไตรย์ ว่ากันว่าทรงโปรดของหอม เวลาถวายให้ถวายมะลิ หรือน้ำหอม ต่อมาก็เป็น พระราหูหรือยักษ์ 3 ตัว อยู่ข้างล่างด้านหน้าของพระพุทธรูปปางนาคปรก พาไปไหว้ เทพทันใจ แห่งชเวดากอง (นัตโบโบจี) เป็นเทพเทวดาที่คอยปกปักษ์รักษามหาเจดีย์ ท่านจะอยู่ในห้องกระจกร่วมกับพระอินทร์ จากนั้นพาไปสรงน้ำพระประจำวันเกิด เราจะใช้เวลาอยู่ข้างบนไม่เกิน 2 ชั่วโมง
นั่งรถต่อไปชม พระเจดีย์โบตาทาวน์ (BOTAHTAUNG PAGODA) ตามตำนาน มีสองพี่น้องมานพชาวมอญได้อัญเชิญพระเกศามาจากชมพูทวีปตั้งแต่ครั้งพุทธกาล แต่ต่อมาโบตาทาวน์ได้ถูกถล่มด้วยระเบิดจากฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เจดีย์องค์เดิมถูกทำลาย และได้ถูกบูรณะขึ้นใหม่โดยบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมสารีริกธาตุในมณฑปครอบแก้วใส ประดิษฐานใจกลางเจดีย์ นอกจากนี้พื้นที่พระเจดีย์โบตาทาวน์ยังมีพระพุทธรูปทองคำ ปางมารวิชัย ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม ตามด้วยพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งเก็บรักษาไว้ในตู้กระจกอยู่ในบริเวณเดียวกับกับวิหารพระทองคำ
เทพทันใจ (นัตโบโบจี)
เทพฮอตฮิตของคนไทย ที่เชื่อกันว่าอธิษฐานขอสิ่งใดกับท่านแล้วจะสมปรารถนา เทพทันใจองค์นี้ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาริมน้ำด้านข้างของเจดีย์โบตาทาวน์ ใครจะมาอธิษฐานขอพร มีเงื่อนไขว่าให้ขอได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น พร้อมกับนำดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม และผลไม้ เช่น มะพร้าวอ่อน, กล้วยนากสีแดง หากไม่ได้เตรียมไป สามารถบูชาเครื่องไหว้ที่หน้าวัดได้ จากนั้นนำเงินธนบัตรม้วนเป็น กรวยเสียบไว้ที่มือขวาของเทวรูป 2 ใบ ก่อนกลับเดินเข้าไปให้ระดับหน้าผากของเราสัมผัสกับนิ้วชี้นัตโบยี ไหว้ขอพรและดึงกลับมา 1 ใบ เก็บรักษาไว้เป็นเงินขวัญถุง
เทพฮอตฮิตของคนไทย ที่เชื่อกันว่าอธิษฐานขอสิ่งใดกับท่านแล้วจะสมปรารถนา เทพทันใจองค์นี้ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาริมน้ำด้านข้างของเจดีย์โบตาทาวน์ ใครจะมาอธิษฐานขอพร มีเงื่อนไขว่าให้ขอได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น พร้อมกับนำดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม และผลไม้ เช่น มะพร้าวอ่อน, กล้วยนากสีแดง หากไม่ได้เตรียมไป สามารถบูชาเครื่องไหว้ที่หน้าวัดได้ จากนั้นนำเงินธนบัตรม้วนเป็น กรวยเสียบไว้ที่มือขวาของเทวรูป 2 ใบ ก่อนกลับเดินเข้าไปให้ระดับหน้าผากของเราสัมผัสกับนิ้วชี้นัตโบยี ไหว้ขอพรและดึงกลับมา 1 ใบ เก็บรักษาไว้เป็นเงินขวัญถุง
เทพกระซิบ (อะมาดอว์เมี๊ยะ) จากนั้นข้ามไปอีกฝั่งก็จะเป็นวิหารเทพกระซิบ อีกเทพขอพรที่คนไทยรู้จักดีค่ะ เป็นเทพธิดา ชื่อ อะมาดอว์เมี๊ยะ เป็นธิดาพญานาคและมีศรัทธาแรงกล้าในพุทธศาสนา นางรักษาศีล ไม่กินเนื้อสัตว์ จนกลายเป็นนัตหรือเทพเจ้าที่ชาวพม่าเคารพนับถือ
เที่ยง : พาไปทานมื้เที่ยงที่ร้านอาหารใกล้แห่งไว้พระ
บ่ายๆ นั่งรถต่อ ไปวัดงาทัตจี จะมีพระพุทธรูปหินอ่อนปางมารวิชัย องค์ใหญ่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทรงเครื่องทองเหลืองอร่าม เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบกษัตริย์พม่าสมัยมัณฑะเลย์ มีลักษณะประณีตงดงามและประดิษฐานอยู่ในร่ม สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1900
วัดเจาทัตจี (CHAUK HTAT KYI PAGODA) เป็นวัดที่คนไทยไม่พลาด คนไทยมักจะเรียกันติดปากว่า พระนอนตาหวาน หรือพระไสยาสเจ้าทัตจี พระองค์ตาหวานสร้างด้วยปูน ยาว 72 เมตร ที่พระเนตรทำด้วยแก้ว
วัดพระเขี้ยวแก้ว (SWE TAW MYAT PAGODA) วัดนี้จะอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ พระเขี้ยวแก้วได้ถูกอัญเชิญมาจากศรีลังกาในช่วงรัชสมัยพระเจ้าบุเรงนอง ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของย่างกุ้ง องค์เจดีย์เป็นทรงปราสาทแปดเหลี่ยม ปลายยอดประดับด้วยทองคำแท้ จัดเป็นสถาปัตยกรรมแบบพุกาม ข้างในจะโล่งๆ ตรงกลางโถงเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วอันศักดิ์สิทธิ์
วัดพระหินขาว (KYAUK TAW GYI PAGODA) หรือที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเรียกกันว่าพระหินอ่อน สร้างจากหินขาวที่มีลักษณะมันวาว สีขาวสะอาดและไม่มีตำหนิ สูง 37 ฟุต กว้าง 24 ฟุต หนัก 60 ตัน เป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง พระหัตถ์ขวาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากสิงคโปร์ และศรีลังกา ยกพระหัตถ์ขึ้น หันฝ่าพระหัตถ์ออกจากองค์ หมายถึงการไล่ศัตรูและประทานความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ยังมีการนำหินที่เหลือมาสลักเป็นพระพุทธบาทซ้าย-ขวา ประดิษฐานอยู่ บริเวณด้านหลังพระพุทธรูปด้วย
วันที่ 2 : พาไปชมเมืองสิเรียม ชม เจดีย์เยเลพญา ย่างกุ้ง – กรุงเทพ
พานั่งรถไปเมือง สิเรียม (Syriam) หรือ “ตันลยิน” (Thanlyin) อยู่ห่างจากเมืองย่างกุ้งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 45 กิโลเมตร เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงจุดบรรจบของแม่น้ำพะโคและแม่น้ำย่างกุ้ง ในอดีตเมืองนี้เป็นเมืองท่าสำคัญในการเดินเรือของชาวโปรตุเกส
สถานที่สำคัญของเมืองสิเรียมแล้ว ก็คือ “ไจ๊มอวุน” หรือ “เจดีย์เยเลพญา” เป็นเจดีย์ที่ตั้งอยู่กลางน้ำ ตามตำนานเล่าว่า เจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยที่มอญเรืองอำนาจ เมื่อราวพันกว่าปีก่อน โดยมีคหบดีชาวมอญเป็นผู้สร้างและยังได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ได้มาเจอเกาะกลางน้ำบริเวณนี้ จึงสร้างเจดีย์ขึ้นมาและนำพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าสองเส้นที่ได้มาจากศรีลังกามาไว้ที่นี่ และท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ 3 ข้อ ข้อแรกถ้าน้ำท่วมก็ขออย่าให้ท่วมองค์พระเจดีย์ เพราะเจดีย์แห่งนี้สร้างบนเกาะมีสภาพเป็นเพียงเกาะเล็กๆ กลางแม่น้ำกว้างใหญ่ ข้อสองถ้าประชาชนมากราบไหว้จำนวนมากก็ขอให้รองรับได้เพียงพอ และข้อสุดท้าย หากใครที่มากราบไหว้ขอพรก็ให้สมหวังดังปรารถนา หากทำให้การทำธุรกิจทางการค้า เจริญก้าวหน้าและสมดังใจหวัง
จากนั้นเดินทางไปยัง “เจดีย์ไจ๊เค้า” เป็นเจดีย์เก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง และเป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองสิเรียม สร้างโดยกษัตริย์รัฐมอญที่เมืองสะเทิม มาสร้างเจดีย์ที่เนินเขาชื่อว่าไลโป๊ะกง โดยเนินเขาแห่งนี้มีฤาษีอยู่ตนหนึ่งชื่อว่า คอลาก๊ะ หรือ เคาะล๊ะ อาศัยปกปักรักษาอยู่บริเวณเนินเขา เดิมเจดีย์แห่งนี้มีชื่อตามภาษามอญว่าไจ๊เคาะล๊ะ ต่อมาเพี้ยนเป็นภาษาเมียนมาร์ว่า ไจ๊เค้า โดยวัดแห่งนี้ ภายในเจดีย์ไจ๊เค้าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิที่ผู้คนนิยมเข้าไปกราบไหว้บูชา นั่นก็คือพระเกศาของพระพุทธเจ้า 6 เส้นที่บรรจุอยู่ด้านในขององค์เจดีย์ ส่วนใหญ่จะมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล หากใครที่อยากจะมาขอพรนั้น จะต้องมากราบขอพระกับองค์เทพทันใจที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งมีชื่อชื่อว่า “ตันลยินไจ๊เค้าโบโบจี” เอกลักษณ์ของเจดีย์ไจ๊เค้า หากใครที่ได้มาเยือนจะสังเกตว่าเจดีย์แห่งนี้มีรูปทรงคล้ายกับเจดีย์ชเวดากองที่อยู่ในเมืองย่างกุ้ง มีพื้นฐานแปดเหลี่ยม ทรงระฆังคว่ำ มีลายบัวคว่ำบัวหงาย เพียงแค่มีขนาดที่แตกต่างกันเท่านั้น
จห06.45 น.ว
าน