Poon Hill (พูนฮิลล์)เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดติด 1 ใน 10 ของเอเชีย ท่านจะได้สัมผัสกับความสวยงามแปลกตาของเทือกเขาหิมาลัยที่มียอดเขาสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ชมยอดเขาสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดปี ละลานตากับวิวพาโนรามา รอบตัว อากาศเย็นสบาย ระหว่างการเดินเทรคกิ้ง ชมการทำนาขั้นบันไดที่สวยงาม ซึ่งชาวบ้านปลูกข้าวบนภูเขาเป็นขั้นบันไดลดหลั่นกันไป นอกจากนี้ท่านจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นทั้งฮินดูและพุทธที่มีวิถีชีวิตอยู่รวมกันแบบผสมกลมกลืนอย่างลงตัว มีเมืองมรดกโลกอันเก่าแก่ที่สุด ชมพระราชวังโบราณหลายยุคหลายสมัย ชมสถูปดวงตาเห็นธรรมที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเนปาล ทริปนี้เหมาะสำหรับคนมีเวลาน้อย โดยจัดให้ใช้เวลาเดินเทรคกิ้งบนเขาแค่ 4 วัน โดยพักบนเขาแค่ 3 คืน โดยเราจะย่นระยะทางด้วยการให้ลูกค้านั่งรถจี๊ปไปยังหมู่บ้านที่สามารถเข้าไปได้ลึกสุด เพื่อจะให้สมาชิก
เดินให้น้อยที่สุด เพราะฉะนั้นจึงเป็นทริปที่ง่ายสำหรับมือใหม่ก็ไปเทรคกิ้ง Poon Hill กับเราได้
ทริปที่จัด ปี 65
08 – 15 ตค.65 : วันคล้ายวันสวรรคตในหลวง ร.9 : อากาศเย็นสบายๆ ท้องฟ้าใสกิ๊ก หนาวบนยอดเขาสูง
22 – 29 ตค.65 : วันปิยะมหาราช : อากาศเริ่มหนาว ท้องฟ้าใสกิ๊ก ดอกไม้ป่ากำลังบาน
หมายเหตุ :
ถ้ามีกรุ๊ปส่วนตัว (6 คนขึ้นไป) สามารถกำหนดวันเดินทางเองได้ เรามีทีมงานไกด์และลูกหาบที่มีประสบการณ์สูงที่เนปาลไว้คอยให้บริการทุกท่าน ส่วนเรื่องวีซ่าเนปาลและใบอนุญาตเดินเขา เราจะดำเนินการให้เรียบรัอยก่อนเดินทาง
ติดต่อ ศิริพร : 098-2725406, 092-4341166
Line ID : sk_pond135
s_pond2010@hotmail.com
โปรแกรมการเดินทาง
วันแรก : กรุงเทพ-กาฐมาณฑุ – ชมเจดีย์โพธินาถ Bhoudanath Stupa – ชมวัดลิง Swayambhunath Temple | |
08.30 น. | พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 ทางเข้าเคาน์เตอร์เช็คอิน H ไกด์พาไปเช็คอิน กับสายการบินไทย โหลดสัมภาระ ผ่านพิธีทางตม. |
10.35 น. | บินสู่เนปาลด้วยไฟร้ท TG319 ใช้เวลาในการบิน 1 ชม 30 นาที ทานมื้อเที่ยงบนเครื่อง |
12.45 น. | ตามเวลาท้องถิ่นอินเดีย ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 1 ชม.15 นาที ถึงสนามบินตรีภูวัน ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระ นำท่านขึ้นรถตู้ พาไปชม เจดีย์โบดะนาถ (Bhoudanath Stupa) ชมเจดีย์ดวงตาเห็นธรรมที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล องค์สถูปทรงกลมสีขาวมีดวงตาเห็นธรรมสีแดง เหลือง และน้ำเงิน เป็นที่ตั้งของชมชนชาวทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล เป็นศูนย์กลางทางศาสนาแบบทิเบตที่เจริญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีบ้านเรือนสีสันสดใสตั้งอยู่รายรอบตัวตัวเจดีย์ มีร้านค้าขายสินค้าต่างๆ และของที่ระลึกอยู่รอบๆเจดีย์ ให้สมาชิกใช้เวลาเดินชมรอบๆสถูป ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง |
18.00 น. | พาเข้าที่พักในย่านทาเมล กรุงกาฐมาณฑุ เช็คอิน เก็บสัมภาระ ให้สมาชิกได้ล้างหน้าล้างตากันก่อน แล้วพาไปทานมื้อเย็นที่ภัตตาคารในย่านทาเมล แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน |
วันที่ 2 : กาฐมาณฑุ – โพครา – ล่องเรือในทะเลสาบเฟว่า | |
07.00 น. | ทานมื้อเช้าที่โรงแรม หลังจากนั้นนั่งรถตู้เดินทางไปเมืองโพครา ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรระหว่างทาง |
เที่ยงๆ | แวะทานมื้อเที่ยงที่ภัตตาคารระหว่างทาง |
15.00 น. | โดยประมาณ ถึงเมืองโพครา เช็คอินที่โรงแรม หลังจากนั้นปล่อยตามอัธยาศัย ใครยังขาดอุปกรณ์เทรคกิ้งก็สามารถออกไปหาซื้อหรือเช่าได้ ถ้าใครต้องการออกไปเที่ยวชมเมืองโพคราก็สามารถแจ้งความประสงค์ไว้ก่อน เราจะติดต่อรถไว้ให้ |
17.00 น. | ไปถ่ายรูปเล่นริมทะลสาบเฟว่า (Phewa Lake) ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่อยู่กลางเมืองโพครา ในวันที่ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆหมอกจะมองเห็นยอดเขาหางปลาหรือมัจฉาปุชเรจะโผล่มาทักทายนักท่องเที่ยว ให้ได้ตื่นเต้นกับความอลังการของยอดเขาหิมะอันศักดิ์สิทธิ์ ถ่ายรูปกันให้จุใจ ถ้าต้องการจะนั่งเรือไปชมวัดบาลาฮี (Barahi Temple) ซึ่งเป็นวัดฮินดูที่อยู่บนเกาะกลางทะเลสาบ ก็สามารถเหมาเรือเช่าพร้อมคนพายให้พายเรือไปส่งที่เกาะได้ |
วันที่ 3 : Pokhara – Hile – Tikhedungha – Ulleri (1960 เมตร) | |
07.00 น. | ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม |
08.00 น. | นั่งรถจี๊ป ออกเดินทางไปหมู่บ้าน Hille ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ถึงจุด Check Point รถจี๊ปจะจอดให้นักเดินเขาลงไปเช็ค ACAP Permit และ TIMS CARD ที่หมู่บ้าน Birethanti แล้วนั่งรถกันต่อ |
11.00 น. | โดยประมาณ รถจี๊ปพาไปส่งที่หมู่บ้าน Hille ส่งสัมภาระให้ลูกหาบแบก แล้วเริ่มเทรคกิ้งกัน วันนี้ไปแวะทานมื้อเที่ยงที่หมู่บ้าน Tikhedungha กันนะคะ |
16.00 น. | โดยประมาณ ถึงหมู่บ้าน Ulleri เช็คอินน์ เก็บสัมภาระ แล้วออกมานั่งพักชมวิวให้หายเหนื่อย จิบชา ทานขนม หลังจากนั้นก็ปล่อยตามอัธยาศัย ใครจะอาบน้ำ ใครจะเดินเล่นถ่ายรูปวิวทิวทัศน์รอบๆหมู่บ้านก็ตามใจท่าน วันนี้เราใช้เวลาเดินทั้งสิ้นประมาณ 3 ชั่วโมง |
19.00 น. | ออกมาทานมื้อเย็นพร้อมกันที่ห้องอาหารของที่พัก หลังจากนั้นก็แยกย้ายไปพักผ่อน |
วันที่ 4 : Ulleri – Ghorepani (2874 เมตร) | |
07.00 น. | ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของที่เกสเฮ้าส์ |
08.00 น. | ออกเดินทางกันต่อ วันนี้เราจะใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 4 – 5 ชม. เส้นทางช่วงแรกเราเดินขึ้นภูเขาไม่สูงนัก เดินเรื่อยๆผ่าน บ้านเรือนบนเขาและร้านค้าที่ทาสีสวยๆสะดุดตา เราจะมองเห็นยอดเขาหางปลา Machhapuchre และยอดเขา Annapurna South จะโผล่มาทักทายให้หายเหนื่อย เส้นทางช่วงหลังจะต้องเดินผ่านลำธารและน้ำตกสายเล็กๆไปเกือบตลอดทาง เดินผ่านดงกุหลาบพันปีที่มีอยู่เต็มป่าเต็มเขาและจะออกดอกบานสะพรั่งเต็มภูเขาระหว่างต้นเดือนถึงกลางเดือนเมษายน อากาศเย็นสบายเพราะเดินอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้เกือบตลอดเส้นทาง |
12.00 น. | แวะทานมื้อเที่ยงกันที่หมู่บ้าน Nange Thanti แล้วเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา ทำธุระส่วนตัว แล้วออกเดินทางกันต่อ |
14.00 น. | โดยประมาณก็จะถึงหมู่บ้าน Ghorepani เช็คอินน์ เข้าที่พัก เก็บสัมภาระแล้วออกเดินเล่น ชมวิว รอถ่ายรูปชมพระอาทิตย์ตกที่ หน้าโรงแรม จากหมู่บ้านนี้ สามารถมองเห็นยอดเขา |
19.00 น. | ออกมาทานมื้อเย็นพร้อมกัน ที่ห้องอาหารของโรงแรม แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน |
วันที่ 5 : Ghorepani – Poon Hill (3210) – Tadapani (2590 m) | |
เช้าตรู่ตีสี่ | ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันทำธุระส่วนตัว เปลี่ยนชุดสวยๆหล่อๆ เตรียมตัวออกเดินทาง เช้านี่เราต้องออกจากที่พักกันตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อ |
ตีสี่ครึ่ง | ออกเดินทางกัน แนะนำให้พกไฟฉายไว้ส่องทางด้วย เพราะตอนที่เราออกจากที่พัก ท้องฟ้ายังมืดอยู่ พากันเดินตามๆกันไปขึ้นไปยังจุดชมวิว Poon Hill ใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เราควรจะไปให้ถึงพูนฮิลล์ก่อนหกโมงเช้า เพื่อให้ทันชมพระอาทิตย์ขึ้น ใครคิดว่าตัวเองเดินช้า ควรจะออกเดินทางให้เร็วขึ้น ไปถึงจุดชมวิว Poon Hill ท้องฟ้าก็ค่อยๆสว่างขี้น พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นแตะยอดหางปลาหรือ Machhapuchre จะมองเห็นยอดเขา Annapurna และ Dhaulagiri และยอดเขาอื่นๆที่อยู่ด้านทิศตะวันออกอีกมากมาย พากันถ่ายรูปให้จุใจ ที่นี่ท่านสามารถมองเห็นวิวของเทือกเขาหิมาลัยแบบพาโนรามารอบตัวได้อย่างชัดเจนแบบ 360 องศา |
07.00 น. | พระอาทิตย์เริ่มขึ้นสูงแล้ว ได้เวลาพากันเดินลงจากภูกลับที่พัก ขากลับใช้เวลาเดินประมาณ 40-50 นาที เส้นทางที่เราเดินลงต้องผ่านดงกุหลาบพันปี ถ้าใครไปเดือนเมษายนจะมองเห็นดอกกุหลาบพันปีบานเต็มระหว่างทางขึ้นไปจุดชมวิว Poon Hill และมองเห็นหุบเขา Ghorepani เป็นสีแดงและสีชมพูของดอกกุหลาบพันปีที่กำลังบานสะพรั่งสดใสสวยงามไปทั้งหุบเขา |
![]() |
|
08.00 น. | ถึงที่พัก ทานมี้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม แล้วเช็คเอ้าท์ออกเดินทางกันต่อ วันนี้เราต้องเดินกันหนักหน่อย ต้องเดินขึ้น เขาและขึ้นจนถึงยอดเขาที่ค่อนข้างจะสูงชัน ผ่านดงกุหลาบพันปี จนเข้าเขตหมู่บ้าน Banthani |
12.00 น. | แวะทานมื้อเที่ยงที่หมู่บ้าน Banthani จากนั้นก็ต้องเดินลงเขา ลงเป็นแนวดิ่งจนถึงตีนเขา เดินเรียบแม่น้ำ วันนี้จะเจอ อากาศจะร้อนสลับหนาว ช่วงแรกค่อนข้างร้อน เพราะมีบางช่วงต้องเดินตากแดกอยู่กลางภูเขา แล้วจะเจออากาศเย็นสบายตอนที่เดินผ่านดงกุหลาบพันปี แต่ตอนเย็นพอพระอาทิตย์ตก อากาศค่อนข้างหนาวเย็น |
15.00 น. | โดยประมาณ เดินถึงหมู่บ้าน Tadapani เข้าที่พัก ซึ่งเป็นเกสเฮ้าสวยๆ ที่พักในหมู่บ้านนี้ สามารถมองเห็นยอดเขา Annapurna South, ยอด Hiunchuli และยอดเขาหางปลา Machhapuchhre ในระยะที่ใกล้ชิด ท่านจะรู้สึกว่าได้อยู่ใกล้ยอดเขามากขึ้น แค่โผล่หน้าออกจากห้องนอนมาก็จะมองเห็นความสวยงามอลังการของยอดเขาต่างๆรอทักทายท่านอยู่แล้ว ตื่นตะลึงกับสวยงามขอยอดเขาหิมะ ที่อาบแสงอาทิตย์เป็นสีส้ม ตอนพระอาทิตย์กำลังจะตก เตรียมตั้งกล้องถ่ายรูปเพื่อเตรียมเก็บภาพประทับใจเอาไว้ |
19.00 น. | ออกมาทานมื้อเย็นพร้อมกันที่ห้องอาหารของที่พัก แล้วก็ปล่อยให้พักผ่อน |
วันที่ 6 : Tadapani – Ghandruk – Pokhara | |
06.00 น. | ตื่นเช้ามาเตรียมตั้งกล้องไว้ถ่ายพระอาทิตย์ ที่กำลังโผล่ขึ้นมาทักทายเหนือยอดเขาหิมะสวยๆ แล้วเตรียมตัวลงไปทานมื้อเช้าด้วยกันที่ ห้องอาหารของโรงแรม |
08.00 น. | ออกเดินทางกันต่อ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเทรคกิ้ง เราจะเดินผ่านเส้นทางที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม จะมียอดเขาหางปลาตามขนาบมาทางด้านซ้ายมือตลอดเส้นทาง ช่วงแรกที่ออกจากหมู่บ้านเราต้องเดินอยู่ในดงกุหลาบพันปีสักพักใหญ่ หลังจากนั้นจะเป็นเส้นทางที่ต้องเดินดิ่งลงเขาอยู่เกือบครึ่งทาง ผ่านนาข้าวขั้นบันไดของชาวบ้านถึงหมู่บ้าน Ghandruk ซึ่งเป็นหมู่บ้านบนเขาที่สวยงาม โอบล้อมด้วยภูเขาหิมะและนาข้าวขั้นบันได บรรยากาศดีมากๆ |
เที่ยงๆ | เราจะทานมื้อเที่ยงที่หมู้บ้าน Grandruk ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายสำหรับการเทรคกิ้ง หลังจากนั้นเราจะนั่งรถจี๊ปกลับโพครา ใช้เวลานั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมง |
16.00 น. | โดยประมาณถึงเมืองโพครา เข้าที่พักที่โรงแรม เช็คอินน์ เก็บสัมภาระ นั่งพักให้หายเหนือยกับการนั่งรถอันยาวนาน แล้วเตรียมตัวออกไปทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารริมทะเลสาบเฟว่า จากนั้นก็เชิญช๊อปปิ้งกันซื้อของฝากกันตามอัธยาศัย แล้วแยกย้ายกันเดินกลับที่พัก |
วันที่ 7 : โพครา กาฐมาณฑุ | |
07.00 น. | ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม |
07.30 น. | นั่งรถไปสนามบินโพครา เช็คอิน โหลดสัมภาระ รอขึ้นเครื่องบินกลับกาฐมาณฑุ |
08.30 น. | ได้เวลาบินกลับกาฐมาณฑุ ใช้เวลาบินประมาณ 30 นาที |
09.00 น. | ถึงเมืองกาฐมาณฑุ รับสัมภาระแล้วนั่งรถยนต์ส่วนบุคคลเข้าที่พักในย่านทาเมล ปล่อยตามอัธยาศัย ใครจะออกไปช๊อปปิ้งซื้อของฝากทางบ้าน หรือชวนกันไปนั่งดื่มชา กาแฟ กินอาหารที่ภัตตาคารนานาชาติในย่านทาเมลก็มีให้เลือกหลากหลาย |
15.00 น. | เดินเท้าออกไปชม Kathmandu Durbar Square ซึ่งอยู่ใกล้ กับย่านทาเมล จตุรัสแห่งนี้ประกับไปด้วยวัดและพระราชวังโบราณแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรมและศาสนาในอดีตของ เนปาล จตุรัสแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ ในปีพศ.2522 ชมวัดกุมารี (Temple of Kumari) เป็นอาคารเก่า แก่สูง 3 ชั้น มีบานหน้าต่างโดยรอบ หน้าต่างแต่ละบานแกะสลักเรื่องราวในศาสนาฮินดูตามความเชื่อของชาวเนปาลเกี่ยวกับองค์กุมารีมาเป็น เวลายาวนานกว่า 2600 ปี โดยจะคัดเลือกจากเด็กผู้หญิงที่มีลักษณะเป็นสมมุติเทพตามตำรา จึงจะถึงว่าเป็นตัวแทนของเจ้าแม่มหากาลีที่อวตาร ลงมาเพื่อปกป้องประเทศเนปาลให้มีแต่ความสงบร่มเย็น เป็นวัดก่ออิฐถือปูนจากกลางศตวรรษที่ 18 หน้าต่างวัดเป็นไม้แกะสลักฝีมือละเอียด มีรูปสิงห์ขนาบสองข้างประตู วัดนารายัณวังประตูหนุมาน (Hanuman Dhoka Durbar) ด้านข้างประตูเป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพหนุมาน สร้างขึ้นในปี 1672 ตัวเทพได้รับการเจิมชาดเสียจนเป็นสีแดงเข้มใต้ร่มฉัตร ประตูเข้าตัววังได้รับการทาสีสดใสทางซ้ายของบริเวณทางเข้าคือ เทวรูปนรสิงห์อวตารปางหนึ่งของพระวิษณุเป็นกึ่งสิงห์กึ่งมนุษย์เพื่อฆ่ายักษ์หิรัญกศิลป์ |
วันที่ 8 : กาฐมาณฑุ – กรุงเทพ | |
08.00 น. | ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นก็ปล่อยตามอัธยาศัย |
10.30 น. | นั่งรถจากโรงแรม ไปสนามบินตรีภูวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที |
11.00 น. | ถึงสนามบิน เช็คอินกับสายการบินไทย โหลดสัมภาระ แล้วผ่านพิธีทางศุลกากร แล้วไปรอขึ้นเครื่อง หาอาหารเบาๆเช่นแซนวิช แฮมเบอร์เกอร์กินรองท้องก่อน |
13.50 น. | ได้เวลาเหินฟ้าโบกมืออำลาเนปาล ด้วย TG320 บินสู่ประเทศไทยใช้เวลาประมาณ 3 ชั้วโมงเศษ มีอาหารให้ทานบนเครื่อง |
18.25 น. | ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน |
อัตราค่าทริป
ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกในแต่ละทริป และการเดินทางไปโพคราแบบไหน มีให้เลือกทั้งแบบนั่งรถทัวร์ นั่งรถยนต์ส่วนบุคคล หรือนั่งเครื่อง เราสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ท่านกรุณาโทรสอบถาม
อัตรานี้รวม
– ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศโพครา-กาฐมาณฑุ (ขาเดียว)
– รถยนต์ส่วนตัว โพครา-กาฐมาณฑุ
– ค่าจ้างไกด์เดินเขาชาวเนปาล 1 คน 5 วัน
– ค่าจ้างลูกหาบแบกสัมภาระ 5 วัน
– ค่าทีพักในทาเมล 2 คืนรวมอาหารเช้า
– ค่าที่พักในโพครา 2 คืนรวมอาหารเช้า
– ค่าที่พักระหว่างเทรคกิ้งบนเขา 4 คืน ไม่รวมค่าอาหาร&เครื่องดื่ม
– ค่ารถรับ-ส่งระหว่างสนามบิน-โรงแรม ทั้งในกาฐมาณฑุและโพครา
– ค่ารถจี๊ปรับ-ส่ง Pokhara-Hile และขากลับจาก Grandruk-Pokhara (Jeep Landover)
– ค่าทำวีซ่าเนปาล
– ค่าทำประกันภัยการเดินทาง วงเงิน 1 ล้านบาท
– ค่าทำ ACAP permit & TIMS Card
อัตรานี้ไม่รวม
- ค่าตั๋วเครื่องบิน TG ไป-กลับกรุงเทพ-กาฐมาณฑ (จะจองตั๋วเองก็ได้ หรือจะให้เราจองให้ก็ แล้วแต่สมาชิก) หรือต้องการจะประหยัดหน่อยก็จองตั๋วแอร์ไลน์ Thai Lion Air ก็ได้ค่ะ (ขาไป 11.50 น. – 14.00 น. ขากลับ 15.00-19.35 น.)
- ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ
- ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ยกเว้นมื้อเช้าที่โรงแรมในทาเมลและโพครา (รวมอยู่ในค่าห้องแล้ว)
- ค่าชาร์ตแบตเตอรีกล้องถ่ายรูปและมือถือ ไอโฟน สมาร์ทโฟน (บางโรงแรมอาจจะต้องจ่ายเงิน)
- อาหารระหว่างการเดินเทรคกิ้งบนเขา ทั้ง 3 มื้อทุกวัน
- ค่าอาบน้ำร้อนตามโรงแรมบนเขา (ส่วนมากจะต้องจ่ายเงิน)
- ค่าซักรีด เสื้อผ้า ที่ส่งซักตามโรงแรมต่าง
- ไกด์จากเมืองไทย (ถ้าต้องการไกด์ไปทยไปช่วยอำนวยความสะดวกกรุณาแจ้งล่วงหน้า)
- ค่าทิปเด็กยกกระเป๋า ไกด์ ลูกหาบ คนขับรถ
การจองทริป
ส่งสำเนาพาสปอร์ตมาทางอีเมลล์ หรือทางไลน์ พร้อมโอนค่าตั๋วเครื่องบิน (เช็คค่าตั๋ว ในวันจองทริป) (สำหรับสมาชิกที่ให้เราหาตั๋ว TG ให้) ถ้าท่านต้องการซื้อตั๋วเอง ก็โอนค่ามัดจำทริปมาคนละ 5000 บาท และชำระค่าทริปที่เหลือก่อนเดินทาง 1 เดือน ตอนที่รับเอกสารไปยื่นวีซ่า
การเตรียมเอกสารสำหรับทำวีซ่า & ประกันภัยการเดินทาง & ทำเพอร์มิตเดินเขา
– พาสปอร์ตมีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือนนับจากวันเดินทาง
– สำเนาพาสปอร์ต 3 แผ่น (สำหรับทำวีซ่า 1 แผ่น ประกันภัยการเดินทาง 1 แผ่น เพอร์มิต 1 แผ่น)
– รูปถ่ายสี ขนาด 1 นิ้วครึ่ง จำนวน 3 ใบ สำหรับทำวีซ่าและเพอร์มิตเดินเขา (ACAP Permit & TIMS Card)
การเตรียมตัว
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
สิ่งที่ต้องเตรียม
– ของใช้ส่วนตัว สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว ครีมทาผิว โลชั่นกันแดด ลิปกลอสที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก
– หมวกกันแดด หมวกกันหนาว แว่นตากันแดด ถุงมือ ถุงเท้า หมวกอาบน้ำ, ผ้าปิดจมูกกันฝุ่น
– ถุงนอน แจ๊คเก็ตอย่างดี ไม้เท้า (ไปหาซื้อที่โพคราหรือเช่าก็ได้ค่ะ)
– ยาสามัญประจำตัวที่จำเป็น
– อาหารแห้งต่างๆ มาม่า น้ำพริกชนิดต่างๆ กาแฟสำเร็จรูป น้ำปลา อาหารกระป๋อง (สำหรับคนที่ ทานยากควรนำติดตัวไป) – กระเป๋าเดินทางตอนเทรคกิ้งบนภูเขาควรใช้เป้ เพราะสะดวกสำหรับลูกหาบที่จะต้องแบบสัมภาระ ถ้านำกระเป๋าลากไปก็ควรเอาฝากไว้ที่โรงแรมในโพคราก่อนออกเทรคกิ้งควรมีกระเป๋าสะพายหรือเป้ใบเล็กติดตัวสำหรับใส่ของใช้ส่วนตัว เช่นกระเป๋าสตางค์ พาสปอร์ต S-D การ์ด ลูกอม น้ำดื่ม
หมายเหตุ : สายการบินภายในประเทศเนปาล กำหนดให้น้ำหนักโหลดกระเป๋าได้ไม่เกิน 15 กก. ต่อคน
คำแนะนำเพิ่มเติม
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา 1 บาท ~ 2.95 – 3.00 รูปี, 1 usd ~ 100 รูปี
เวลาที่เนปาลช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง 15 นาที
ในกาฐมาณฑุและโพครามีอินเตอร์ให้เช่า ชั่วโมงละ ประมาณ 20-50 รูปี
ในกาฐมาณฑุและโพคราไฟฟ้าดับเป็นประจำ วันละหลายครั้งๆละประมาณ 2 ชั่วโมง ควรเตรียไฟฉายพกติดตัวไปด้วย