ทริปเทรคกิ้ง Gokyo Lake & EBC & Kala Pathar, Nepal
(11-27 ตค.55)

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามสำหรับเส้นทาง Gokyo & Chola Pass & Kala Pathar & EBC ของเรา ทริปนี้ตอนแรกมีสมาชิก 11 คน แต่สัปดาห์สุดท้ายก่อนเดินทาง สมาชิก 2 คน (สามี-ภรรยา) ได้ขอยกเลิกทริปเพราะงานเข้า ต้องฟรีเซนต์งานให้ลูกค้าจึงขอเลื่อนตั๋วเครื่องบินและเลื่อนทริปไปเป็นเดือนเมษายนปี 56 ดังนั้นเราจึงเหลือกันอยู่ 9 คน

วันที่ 11 ตค.55 พวกเราออกเดินทางจากเมืองไทยโดยการบินไทย TG319 ไปถึงสนามบินตรีภูวัน เมืองกาฐมาณฑุประมาณบ่ายโมงมีเอเย่นซี่ประจำไปรอรับที่สนามบินพาไปไหว้พระที่ Bhoudanath Stupa และ วัดลิง Swayumbhunath. เย็นๆก็พาไปเช็คอินน์ที่พักในทาเมล จากนั้นสมาชิกก็พากันออกไปช๊อปกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์กันเลย ได้อุปกรณ์กันหนาวและอุปกรณ์เทรคกิ้งกันถ้วนทั่ว

วันที่ 12 ตค.55 พวกเราออกเดินทางสู่สนามบินภายในประเทศตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เพื่อจะบินไปลุคล่า ซึ่งเป็นที่ๆเริ่มเทรคกิ้งสำหรับเส้นทาง EBC แต่วันนี้เป็นวันที่โชคไม่เข้าข้างเรา กำลังเตรียมตัวจะขึ้นเครื่องแล้ว แต่ว่าเจ้าหน้าที่สนามบินเดินมาบอกว่าสนามบินที่ลุคล่าปิด เพราะทัศนวิสัยไม่ดี มีเมฆมาก มองไม่เห็นยอดเขาและลมระหว่างทางแรงมากอันตรายต่อการบิน ทำให้เราต้องกลับไปนอนทาเมลอีกคืน

วันที่ 13 ตค.56 เราออกเดินทางไปสนามบินภายในประเทศอีกครั้ง กว่าเครื่องจากออกได้ก็สาย เราไปถึงลุคล่ากือบเที่ยง ก็ทานมื้อเที่ยงกันที่โรงแรมใกล้สนามบินก่อนที่จะออกเดิน เราต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางใหม่ ตอนแรกกะว่าวันแรกเราจะไปนอนที่ Phakding และเราจะไปนอนที่นัมเช 2 คืนเพื่อพักปรับสภาพร่างกาย แต่เราเสียเวลาไปวันหนึ่งแล้ว วันนี้เราเลยเปลี่ยนแผนไปนอนที่ Monjo ซึ่งต้องเดินจาก Phakding ไปอีก 2 ชม. วันนี้กว่าที่เราจะทานมื้อเที่ยงกันเสร็จที่ลุคล่า ได้ออกเดินกันจริงๆก็บ่ายโมงไปแล้ว ไปถึง Monjo ก็มืดและซ้ำร้าย พอผ่าน Phakding ฝนก็เริ่มตกพรำๆ พวกเราหลายคนก็ควักเสื้อกันฝนมาสวม บางคนไม่ได้เอาเสื้อกันฝนติดตัวไป ก็รับความหนาวไปเต็มๆ เราไปถึง Monjo ก็ทุ่มกว่าๆ พากันอาบน้ำอุ่น ทานมื้อเย็นกัน แล้วรีบเข้านอน ที่นี่อากาศยังหนาวไม่มาก ยังไม่ต้องใช้ถุงนอน

วันที่ 14 ตค.56 ทานมื้อเช้ากันเสร็จ ก็เริ่มออกเดินทางกัน เราตัดสินใจถูกที่เมื่อวานเรามาพักที่ Monjo เพราะวันนี้ทำให้เราไม่ต้องเดินกันหนักจนเกินไป เราออกเดินจาก Monjo ได้ประมาณ 1 ชม.ก็ถึง Jorsalle ซึ่งเป็นที่ทำการ Sagarmatha National Park ซึ่งเราต้องให้ไกด์เข้าไปทำเพอร์มิตเข้าอุทยานให้ เราต้องจ่ายค่าเพอร์มิตคนละ 3000 รูปี หลังจากนั้นก็เดินทางกันต่อ วันนี้เราไม่ได้แวะทานมื้อเที่ยงระหว่างทาง เดินยาวไปถึง Namche เลย เราไปถึง Namche ตอนบ่ายกว่าๆ ไกด์จองโรงแรมให้กรุ๊ปของเราที่ The Nest เรารีบสั่งมื้อเที่ยงทานกันก่อนเพราะบ่ายมากแล้ว ท้องเริ่มครวญคราง หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป บางคนก็ออกไปช๊อปปิ้ง เราไปนั่งทานกาแฟที่ร้าน Everest กับสมาชิกบางคนพร้อมกับสั่งขนมปังและเค้กมาทานกัน ฝนตกลงมากอีกครั้ง เราติดฝนอยู่ที่ร้านกาแฟนานพอสมควร พอฝนซาก็เดินกลับโรงแรม สั่งมื้อเย็นไว้ก่อน แล้วขึ้นไปพักผ่อน ประมาณ 1 ทุ่มจึงพากันลงมาทานมื้อเย็น หลังจากพักค้างคืนที่ Namche Bazaar 1 คืน วันต่อมาเราออกเดินทางสู่หมู่บ้าน Dhole เป็นวันที่เหนื่อยมากทีเดียว เพราะเราต้องไต่ความสูงขึ้นมาก จากที่หมู่บ้าน Namche ที่ระดับ 3440 สู่หมู่บ้าน Dhole ที่ระดับ 4100 เมตร

พวกเราไปถึงหมู่บ้าน Dhole ก็มืดแล้ว อากาศหนาวมาก ทานมื้อเย็นเสร็จ ลองโผล่ออกไปดูบรรยากาศด้านนอกเกสเฮาท์ที่พัก ดาวเต็มฟ้าสวยมาก น้องจอมกับน้องตวงกำลังตั้งกล้องถ่ายดาวกันอยู่ ขออนุญาตนำรูปดาวสวยๆจากกล้องน้องจอมมาให้ชมกันค่ะ (ขอขอบคุณเจ้าของรูป คุณฉัตรชัย ปทุมพงศ์โสธร)เช้าวันต่อมา พวกเราออกเดินทางสู่หมู่บ้าน Machherma ขอจบรีวิวทริปเทรคกิ้ง Everest Base Camp ไว้เพียงแค่นี้ เพราะพอออกจาก Thenboche เราก็เดินกลับ Namche ฺBazaar ซึ่งเป็นเส้นทางเดิมกับตอนขาเดินขึ้น

คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจไปเทรคกิ้งเส้น Everest Base Camp
เส้นทางนี้จะว่ายากก็ไม่ยากจนเกินไป แต่ก็่ไม่ง่ายนัก ผู้ที่ต้องการจะไปเทรคกิ้งเส้นทางนี้ ควรจะศึกษารายละเอียดเรื่องการเตรียมตัวมาก่อน ควรมีเวลาเตรียมตัวออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมาอย่างน้อย 3 เดือนติดต่อกัน  และอีกเรื่องที่ต้องตระหนักอยู่ตลอดเวลาคือ โรคแพ้ความสูง ซึ่งสามารถจะเกิดขึ้นกับใครหรือเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่สำคัญว่าคุณแข็งแรงเป็นนักวิ่งมาราธอนหรือเป็นครูสอนดำน้ำหรือออกกำลังกายเป็นประจำแล้วโรคนี้จะไม่เกิดกับคุณ ส่วนมากคนหนุ่มสาวมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ทีสูงวัย การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่เคลื่อนไหวอิริยบทเร็วจนเกินหรือเดินเร็วเกินไปในที่สูงมากๆ การทานยาขยายหลอดเลือด เพื่อเพิ่มปริมาณอ๊อกซิเจนในเลือด (ยาไดอะม๊อกซ์) ก็เป็นทางหนึ่งที่พอจะช่วยบรรเทาโรคนี้ได้บ้าง สิ่งที่สำคัญคือกำลังใจต้องเต็มร้อย ความเหนื่อยล้าเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อคุณตัดสินใจมาแล้ว ก็ต้องสู้ แค่นอนหลับตื่นขึ้นมา อาการก็ดีขึ้น อุตส่าจ่ายเงินไปแล้ว ถ้าไม่ถึงกับป่วยไข้ก็ควรจะกัดฟันเดินหน้าต่อไป แล้วคุณก็จะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางตามที่ใจใฝ่ฝันได้โดยไม่ยากนัก