*** www.easy-on-tour.com *** 
ทริปชมดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทย (ขุนช่างเคี่ยน ขุนวาง แม่จอนหลวง)
นมัสการพระธาตุดอยสุเทพ พาไปเก็บสตรอเบอรี่สดๆจากไร่ 3 วัน 2 รับแค่ 9 คนเท่านั้น

ดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือที่เรียกกันติดปากว่า ดอกซากุระเมืองไทย เนื่องจากมีลักษณะคล้ายดอกซากุระของประเทศญี่ปุ่น นางพญาเสือโคร่งเป็นดอกไม้ในถิ่นหนาว จะขึ้นอยู่ตามป่าเขาในระดับความสูง1000 เมตรขึ้นไป ดอกพญาเสือโคร่ง
จะเริ่มบานประมาณปลายเดือนธันวาคม และบานไปจนถึงสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์  แต่ก่อนดอกนางพญาเสือโคร่งจะขึ้นอยู่ตามป่าตามยอดเขาสูงๆ พอถึงฤดูกาลที่ดอกไม้บาน จะมองเห็นเป็นสีชมพูสวยงามไปทั้งภูเขา เจ้าหน้าที่ตามอุทยานต่างๆ ในภาคเหนือตอนบน จึงนำเอาต้นนางพญาเสือโคร่งมาปลูกไว้ในอุทยานต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้พากันไปชื่นชมกับความสวยงามของดอกนางพญาเสือโคร่งที่พากันเบ่งบานสวยหวานไปทั้งเขาทั้งดอย
ทริปนี้เราเคยจัดมา 5 ครั้งแล้ว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เนื่องจากเราได้จองที่พักทั้งที่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยนและที่ผาซากุระ
บ้านพักทั้งสองแห่งไม่ได้หรูหรา แต่อบอวลไปด้วยธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีอุปกรณ์เครื่องนอนให้สมาชิกพร้อม ผ้าเช็ดตัว  ที่นอน หมอน ผ้าห่ม ทั้งที่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยนโฮมสเตย์ ซึ่งเป็นโฮมสเตย์ของชาวเขาเผ่าม้ง มีที่นอนไฟฟ้าและเครื่องทำน้ำอุ่น ส่วนที่พักที่หมอกตะวันวิว มีทั้งแบบพักบ้าน และแบบนอนเต้นท์พร้อมอุปกรณ์การนอนครบครัน มีเครื่องทำน้ำอุ่นไว้บริการ สมาชิกจะได้สัมผัสกับอากาศอันหนาวเย็นซึ่งหนึ่งปีจะมีแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น นอกจากนี้สมาชิกยังจะได้ชื่นชมกับความงดงามของมวลดอกไม้เมืองหนาวชนิดอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมพาไปเก็บสตรอเบอรี่สดๆจากไร่ ตามมาเที่ยวกับเราสิคะ

โปรแกรมที่จัด สำหรับปี 67
12-15 มค.67
19-22 มค.67
(รับสมาชิกได้ทริปละ 9 คน 1 คันรถตู้เท่านั้นค่ะ)

โปรแกรมการท่องเที่ยว ออกเดินทางคืนวันศุกร์
วันแรก : กรุงเทพ – เชียงใหม่
20.30 น. เจอกันที่ปั๊มปตท.ถนนวิภาวดี  แนะนำตัวสมาชิกกันก่อน แล้วขนสัมภาระขึ้นรถตู้ทรงสูง วีไอพี
21.00 น. ออกเดินทางสู่จังหวัดเชียงใหม่ เชิญนอนหลับพักผ่อนกันให้สบาย เตรียมสวมเสื้อผ้าอุ่นๆไปด้วย เพราะรถแอร์เย็นมาก

วันที่ 2 : (วันเสาร์ ) วัดพระธาตุดอยสุเทพ – ขุนช่างเคี่ยน
เช้าตรู่ : ถึงตัวเมืองเชียงใหม่ พาไปล้างหน้าแปรงฟันที่ปั๊มน้ำมันระหว่างทาง หลังจากนั้นก็ออกเดินทางต่อสู่ดอยสุเทพ พาไปทานมื้อเช้า
ที่ร้านอาหารแถวลานจอดรถหน้าวัดพระธาตุดอยสุเทพ พออิ่มท้องแล้วพาไปกราบนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ ได้เวลาพอสมควร พากลับลงมาที่ลานจอดรถหน้าวัดพระธาตุดอยสุเทพ ขนสัมภาระเปลี่ยนไปขึ้นรถสองแถว เพื่อเดินทางสู่หมู่บ้านมังขุนช่างเคี่ยน ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที ขึ้นอยู่กับการจราจรระหว่างทาง ถึงขุนช่างเคี่ยนโฮมสเตย์  พาเข้าที่พักเก็บ สัมภาระ แล้วออกไปถ่ายรูปดอกนางพญาเสือโคร่งสวยๆกันที่สถานีวิจัยเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยนที่บานสะพรั่งสีชมพูเต็มดอย
เที่ยง : พาไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารที่สถานีวิจัยเลย ได้เวลาพอสมควร พากลับที่พัก พาเดินชมวิถีชีวิตของชาวม้ง ซึ่งทำไร่ปลูกกาแฟ ปลูกสตรอเบอรี่และพีชผักต่างๆเช่นถั่วหวาน มะระหวาน ฟักทองญี่ปุ่น ใครต้องการจะซื้อกลับบ้านก็สามารถเลือกซื้อกันได้นะคะ หรือใครต้องการจะนอนเล่นหรืออัพรูปก็ปล่อยตามอัธยาศัยนะคะ
เย็นๆ  :  ออกมาปิ้งย่างบาบีคิวทานกัน ทางที่พักจะเตรียมเตาปิ้ง พร้อมบาบีคิวและมันเทศหวาน ข้าวโพดหวาน ไว้ให้เราปิ้งย่างทานกันเอง
พร้อมข้าวสวยและกับข้าวอีกหลายอย่าง พร้อมน้ำดื่มไว้คอยบริการ ใครใคร่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอ ก็เตรียมกันไปเองนะคะ มีน้ำแข็งไว้คอย
บริการค่ะ


วันที่ 3 : (อาทิตย์) : ขุนช่างเคียน – ขุนวาง – แม่จอนหลวง
เช้า  : ตื่นเช้า  อาบน้ำแต่งตัว แล้วออกไปทานมื้อเช้ากันที่หน้าบ้านพัก มีข้าวต้ม พร้อมกับซึ่งส่วนมากเป็นผักสดจากไร่ เช่นผัดยอดฟักแม้ว ยอดมะระหวาน ไข่เจียว ไข่เค็ม พร้อมกาแฟ โอวัลติน ขนมปัง ปาท่องโก๋ ได้ให้คอยบริการ ให้สมาชิกทานกันอย่างจุใจ ได้เวลาพอสมควรก็อำลาบ้านม้งขุนช่างเคี่ยน เดินทางสู่ดอยอินทนน
เที่ยง : แวะทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารระหว่างทาง หลังจากนั้นก็ออกเดินทางสู่ดอยอินทนนกันต่อ


บ่าย : ถึงสถานีวิจัยเกษตรหลวงขุนวาง พาท่านไปแวะถ่ายรูปกับดอกซากุระสวยๆที่กำลังบานสะพรั่งสีชมพูรอบๆที่ทำการดอยขุนวาง ให้เวลาท่านได้ถ่ายรูปบริเวณนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นนั่งรถต่ออีกประมาณ 30 นาที ไปเที่ยวโครงการเกษตที่สูงแม่จอนหลวงซึ่งอยู่ในหุบเขาที่มีอากาศหนาวเย็นเหมาะกับการปลูกไม้ดอกไม้ผลเมืองหนาว ชื่นชมกับพันธุ์พืชนานาชนิด ที่สลับผลัดเปลี่ยนกันออกดอกออกผลตลอดทั้งปี ซึ่งไม่ว่าจะมาในเดือนใดก็ตาม จะได้สัมผัสกับความงดงามของไม้ดอก หรือลิ้มลองรสชาติของผลไม้ ที่จะมีผลผลิตหมุนเวียนกันไป หากมาในช่วงต้นเดือนถึงปลายเดือนม.ค. ของทุกปี จะได้ชมดอกพญาเสือโคร่ง หรือ ซากุระเมืองไทยที่จะบาน
สะพรั่งเป็นสีชมพูสวยงาม ตลอดริมทาง พอถึงที่พักแล้ว เก็บสัมภาระ ถ้าสมาชิกต้องการพักผ่อนก็ปล่อยตามอัธยาศัย หรือใครยังมีแรงอยู่ อยากเดินเล่นถ่ายรูปกับดอกไม้สวยๆรอบ พี่พักก็เชิญนะคะ นอกจากดอกนางพญาเสือโคร่งแล้ว ที่นี่ยังมีดอกไม้เมืองหนาวสวยๆอีกหลากหลายสายพันธุ์ที่ปลูกไว้รอบๆ ท่านจะรู้สึกสดชื่นกับอากาศที่เย็นสบายตลอดปี และอากาศจะหนาวมากระหว่างเดือนธค. ถึงเดือนกพ.บางปีอุณหภูมิต่ำถึง 1-3 องศาเซลเซียส
เย็นๆ : ชวนกันไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิว ชมบรรยากาศยามเย็นท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นท่ามกลางดงดอกไม้ที่สวยงาม
หมายเหตุ : ถ้าบ้านพักที่แม่จอนหลวงไม่ว่าง เราจะพาท่านไปพักที่บ้านพักดอยหมอกตะวันวิว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากดอยขุนวาง

วันที่ 4 : (จันทร์) : แม่จอนหลวง – ขุุนวาง – ศูนย์กล้วยไม้รองเท้านารี-กลับกรุงเทพ
เช้าตรู่ : ล้างหน้าล้างตา แล้วออกไปสูดอากาศบริสุทธิ๋ยามเช้า พร้อมถ่ายรูปดอกไม้สวยๆกันอีกครั้ง หลังจากนั้นก็กลับมาทานอาหารเช้า
จากร้านอาหารของที่ทำการ เป็นอาหารแบบง่ายๆ ข้าวต้มเครื่องร้อนๆ กาแฟ โอวัลติน ขนมปัง แล้วก็อาบน้ำแต่งตัว เก็บสัมภาระขึ้นรถตู้
อำลาแม่จอนหลวง นั่งรถลงไปที่ทำการขุนวาง แวะเก็บสตรอเบอรี่สดๆจากไร่ เราสามารถเข้าไปเก็บเองแล้วนำไปให้เจ้าของไร่ชั่งน้ำหนัก
แล้วจ่ายตังค์ ใครจะถ่ายรูปกับไร่สตรอเบอรี่ก็ตามสบายนะคะ ได้เวลาพอสมควร ออกเดินทางต่อ พาไปแวะซื้อผลไม้เมืองหนาวที่ขุนวาง
จะมีชาวเขานำผลไม้ต่างๆที่ปลูกเองมาวางขายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเป็นของฝากในราคาย่อมเยา  มีผลไม้หลากหลายชนิด เช่น
สตรอเบอรี่สด เคพกูสเบอรี่ เสาวรส มันเทศญุี่ปุนมีทั้งแบบมันดิบๆและ มันเผา ให้ลูกค้าได้ซื้อทานกัน รับรองรสชาติหอมหวานนุ่มลิ้น มี
ฟักทองมีทั้งพันธุ์ไทยและพันธุ์ญุี่ปุ่น แอ๊ปเปิ้ล สาลี่ และผักนานาชนิดเช่น ถั่วหวาน มะระหวาน ถั่วล้นเตา บล็อคเคอรี่ ยอดฟักแม้ว เห็ด
หลินจือ เห็ดหอมและเห็ดชนิดอื่นๆ หลังจากนั้น พาไปแวะชมดอกนางพญาเสือโคร่งและดอกกล้วยไม้ที่ศูนย์เพาะพันธุ์กล้วยไม้รองเท้า
นารี ศูนย์แห่งนี้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการวิจัย
และเพาะพันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี เนื่องจากใกล้จะสูญพันธุ์เต็มที นอกจากนี้ยังได้ชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่กำลังบ่านสวยๆอยู่รอบๆ
ทะเลสาบ สะท้อนสีชมพูลงในทะเลสาบที่ใสแจ๋ว เป็นภาพที่หาดูได้ยากจริงๆ ได้เวลาพอสมควรก็นั่งรถลงจากดอย
เที่ยง : แวะทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารระหว่างทาง



บ่ายโมง  : แวะให้ช๊อปปิ่งซื้อของฝากกันที่กาดทุ่งเกวียนที่จังหวัดลำปาง ให้เวลาช๊อปปิ้งกัน 1 ชั่วโมง
บ่าย 2     : เดินทางกลับกรุงเทพ แวะทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารแถวจังหวัดนครสวรรค์
สี่ทุ่ม       : ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ  แยกย้ายกันกลับบ้าน

อัตราค่าทริป ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกในกรุ๊ป
สมาชิก 7 คน ค่าทริปท่านละ 5000 บาท
สมาชิก 8 คน ค่าทริปท่านละ 4800 บาท
สมาชิก 9 คน ค่าทริปท่านละ 4600 บาท

อัตรานี้รวม
ค่ารถตู้ทรงสูง 10 ที่นั่ง บริการตลอดเส้นทาง กรุงเทพ – เชียงใหม่
ค่ารถสองแถวรับส่งสู่ขุนช่างเคี่ยน
ค่าบ้านพัก 2 คืน ที่ขุนช่างเคี่ยนโฮมสเตย์และที่บ้านผาซากุระ ซึ่งมีทั้งแบบบ้านและเต้น รวมอุปกรณ์ที่นอน หมอน ผ้าห่ม
ค่าอาหาร เช้า กลางวัน เย็น รวมทั้งหมด 9 มื้อ รวมน้ำดื่มในรถระหว่างการเดินทาง
ค่าผลไม้และขนมขบเคี้ยวต่างๆ ที่ทานระหว่างเดินทาง
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานต่างๆ รวมถึงค่ารถรางไฟฟ้าขึ้นดอยสุเทพ
ค่าประกันภัยการเดินทาง วงเงินคุ้มครอง 2 แสนบาท

อัตรานี้ไม่รวม
ค่ารถที่ท่านต้องการออกนอกเส้นทางเส้น เช่นเหมารถขึ้นดอยอินทนนท์ (หรือขึ้นพระธาตุ) ท่านต้องจ่ายเอง
ค่าธรรมเนียมเข้าสถานที่ต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือจากที่ได้ระบุไว้ในรายการ
ค่าทิปคนขับรถตู้ เป็นสินน้ำใจ แล้วแต่จะให้[/font][/size]

การจองทริป
โอนเงินค่ามัดจำทริป 1000 บาท ภายใน เดือนธันวาคม 2566
ที่เหลือ จ่ายวันออกเดินทาง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือจองทริป กรุณาโทรติดต่อ
ศิริพร :  098-2725406, 092-4341166
ไลน์ ID : ssp061962     อีเมล : ssuikim2018                                                                  

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments