ชวนไปเล่นหิมะที่พูนฮิลล์ช่วงปีใหม่ 2567 Poon Hill trek เนปาล

กำหนดการออกทริป : 28 ธค.2566 – 3 มค.2567 (รวม 7 วัน ) เดิน 4 วัน
Poon Hill (พูนฮิลล์) เป็นจุดชมวิวที่สวยติดอันดับ 1 ใน 10 ของเอเชีย ท่านจะได้สัมผัสกับความสวยงามอลังการของเทือกเขาหิมาลัยในเนปาลที่มียอดเขาสูงเกินระดับ 8000 เมตรถึง 7 ยอดและมีความสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ชมยอดเขาสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดปี ละลานตากับวิวพาโนรามารอบตัว อากาศหนาวเย็น ชมนาข้าวขั้นบันไดที่สวยงาม ซึ่งชาวบ้านปลูกข้าวเป็นชั้นๆเหมือนขั้นบันไดหลดหลั่นบนภูเขาสูงชัน 

Poon Hill เดี๋ยวนี้มีถนนตัดเข้าไปถึงยอดเขาแล้วนะคะ เราสามารถเหมารถจี๊ปขึ้นส่งไปถึงหมู่บ้าน Ulleri และหมู่บ้าน Grandruk ได้ ซึ่งสามารถย่นระยะเวลาและประหยัดพลังงานในการเดินได้เยอะเลย เดินชิลๆแค่วันละ 3-4 ชั่วโมง ใช้เวลาเดินบนเขาแค่ 2-3 เท่านั้น ทริปนี้เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาน้อยและไม่กลัวอากาศหนาว รวมถึงท่านที่เคยกลัวการเดินขึ้นเขาสูงๆเดินทางไกลหลายวัน ชวนไปสัมผัสความหนาวเย็น พาไปเล่นหิมะกันที่ Poon Hill ชมวิวพาโนราม่าที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาหิมาลัยกับเราสิคะ
สอบถามรายละเอียด หรือจองทัวร์ กรุณาติดต่อ ศิริพร  Tel : 098-2725406, 092-4341166 ไลน์ ไอดี : ssp061962

โปรแกรมการเดินทาง
วันแรก : กรุงเทพ – กาฐมาณฑุ – โพครา
08.00 น.นัดเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ทางเข้าเคาน์เตอร์เช็คอินของการบินไทย H-J ไปเช็คอิน กับการบินไทยหรือไทยสมายล์ แล้วแต่สมาชิกจะจองแอร์ไลน์ไหน (บินเวลาเดียวกัน) พร้อมหน้ากันแล้ว ก็ไปเช็คอิน โหลดสัมภาระ ผ่านตม.ขาออกกันเลย
10.15 น.บินสู่เนปาลด้วยไฟร้ท Thai Smile Airline (WE 319) ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ทานมื้อเที่ยงบนเครื่อง
12.25 น.ตามเวลาท้องถิ่นเนปาล ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 1 ชม.15 นาที ถึงสนามบินตรีภูวัน ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระแล้ว พาเดินเท้าไปยังสนามบินภายในประเทศ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน
14.30 น.เช็คอินกับสายการบินภายในประเทศ Yeti airline โหลดสัมภาระ (น้ำหนักโหลดไม่เกิน 15 กิโลกรัมต่อท่าน) น้ำหนักหิ้วขึ้นเครื่อง 7 กิโลกรัม
15.00 น.ได้เวลาบินไปเมืองโพครา ใช้เวลาบินประมาณครึ่งชั่วโมง
15.30 น.ถึงสนามบินโพครา รับสัมภาระแล้วนั่งรถประมาณ 10-15 นาทีไปยังโรงแรมในเมืองโพครา ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลสาบเฟว่า
16.30 น.เช็คอิน เก็บสัมภาระ นั่งพักผ่อนให้หายเหนื่อยกับการเดินทางกันก่อน
17.00 น.พาเดินเท้าไปยังทะเลสาบเฟว่า (Phewa Lake) เดินชิลๆประมาณ 10 นาที ไปก็ถ่ายรูปทะเลสาบสวยๆ มีภูเขาหิมะล้อมรอบ ถ้าท้องฟ้าใสไร้เมฆหมอก จะมองเห็นยอดเขาหางปลา หรือยอดเขาหิมะ Machhapuchre สีขาวตั้งสูงเด่นเป็นฉากหลังของทะเลสาบเฟว่า มีเรือพายที่มีสีสันสดใสจำนวนมากจอดรอรับ-ส่งนักท่องเที่ยวไปยังวัด Barahi ซึ่งเป็นวัดฮินดูเล็กๆอยู่กลางเกาะในทะเลสาบ
19.00 น.กลับขึ้นฝั่งแล้วพาไปทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารริมทะเลสาบ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้สมาชิกได้ช้อปปิ้ง ซื้ออุปกรณ์เทรคกิ้ง เสื้อผ้ากันหนาว (ใครต้องการจะเช่าถุงนอนและไม้เท้า กรุณาแจ้งความประสงค์ล่วงหน้า เราจะจองกับทางร้านไว้ให้)

วันที่ 2 : Pokhara – Birethanti- Hile(1430 เมตร) – Ulleri (1960 เมตร) : เทรค 3-4 ชั่วโมง
07.00 น.ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม
08.00 น.นั่งรถจี๊ปจากโพคราไปหมู่บ้าน Hile ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง (แวะให้สมาชิกลงไปเช็ค ACAP Permit และ TIMS Card ที่หมู่บ้าน Birethanti ก่อน)
11.00 น.ถึงหมู่บ้าน Hile ส่งสัมภาระให้ลูกหาบ ได้เวลาเริ่ม trekking จุดปลายทางคือ หมู่บ้าน Ulleri เส้นทางช่วงแรกๆยังเดินสบายๆ ไม่ชันมาก เดินได้เรื่อยๆ ชิลๆ อากาศเย็นๆ แต่แดดแรง
เที่ยง : ทานมื้อเที่ยงที่หมู่บ้าน Tikhedungha
12.30 น.ออกเดินทางกันต่ออีกประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ พอผ่านหมู่บ้าน Tikhedungha ไปแล้ว ทางเริ่มชัน และต้องเดินขึ้นบันได้หินเกือบสามพันขั้นไปยังหมู่บ้าน Ulleri
15.00 น.ถึงหมู่บ้าน Ulleri เข้าที่พัก เก็บสัมภาระ แล้วออกมานั่งพักให้หายเหนื่อย จิบชา ทานขนม หลังจากนั้นก็ปล่อยตามอัธยาศัย
19.00 น.ลงมาทานมื้อเย็นพร้อมกันที่ห้องอาหารของที่พัก หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ได้เวลากางถุงนอนกันแล้ว

วันที่ 3 : Ulleri – Ghorepani (2874 เมตร) เทรคประมาณ 3-4 ชั่วโมง
07.00 น.ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของบ้านพัก
08.00 น.ออกเดินทางกันต่อ วันนี้เส้นทางช่วงแรก เดินไต่บันไดขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านบ้านเรือน เกสเฮาส์และร้านค้าต่างๆ ยอดเขาหางปลา (Machhapuchre และ Annapurna South จะโผล่มาทักทายเป็นระยะๆ เดินผ่านลำธารและน้ำตกเล็กๆไปเกือบตลอดทาง เดินผ่านดงกุหลาบพันปี ซึ่งจะออกดอกบานกลางประมาณเดือนเมษายน อากาศเย็นสบายเพราะเดินอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้เกือบตลอดเส้นทาง
เที่ยง : แวะทานมื้อเที่ยงกันที่หมู่บ้าน Nange Thanti
บ่ายๆ  : เดินทางกันต่อ เส้นทางช่วงหลังเริ่มชันขึ้น ต้องเดินไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ พอเข้าใกล้เขตหมู่บ้าน Ghorepani จะมองเห็นกองหิมะระหว่างทาง ยิ่งเดินขึ้นสูง กองหิมะจะหนาขึ้นเรื่อยๆ
บ่ายสาม : โดยประมาณ เทรคถึงหมู่บ้าน Ghorepani พาเข้าที่พัก เก็บสัมภาระ พักให้หายเหนื่อย แล้วออกไปเดินเล่น ชมวิว รอถ่ายรูปชมพระอาทิตย์ตก ที่หน้าบ้านพัก ซึ่งสามารถมองเห็นยอดเขาหิมะต่างๆได้อย่างชัดเจน ถ่ายภาพเก็บความประทับใจไว้ร่วมกัน หลังจากนั้นรีบสั่งอาหารเย็นและก็เตรียมเข้าคิวอาบน้ำร้อน ซึ่งที่พักที่นี่ส่วนมากให้อาบน้ำร้อนได้ฟรี แต่ห้องอาบน้ำร้อนมีน้อย ต้องเข้าคิวรอกัน
ค่ำๆ  :  ลงมาทานมื้อเย็นพร้อมกัน ที่ห้องอาหารของเกสเฮ้าส์ แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นจนฟันกระทบ

วันที่ 4 : Ghorepani – Poon Hill (3210 m.)- Ulleri – Grandruk (1940 m.) เดิน 4-5 ชั่วโมง
04.00 น.ตื่นเช้ามาพบกับความหนาวเหน็บ ล้างหน้าแปรงฟันทำธุระส่วนตัว เปลี่ยนชุดสวยๆหล่อๆ เช้านี่เราต้องออกเดินทางกันตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว Poon Hill ใช้เวลาเดินทางกันประมาณชั่วโมงครึ่ง (เตรียมแจ็คเก็ตที่ให้ความอบอุ่นกับร่างกายให้พอ รองเท้าควรใช้แบบกันน้ำได้
เพราะระหว่างทาง ต้องเดินลุยหิมะกัน จนถึง Poon Hill ซึ่งขาวโพลนได้ด้วยหิมะ ถุงมือและหมวกไหมพรมที่ปิดหูขาดไม่ได้
06.00 น.เราต้องไปให้ถึงพูนฮิลล์ เพื่อให้ทันชมพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวพูนฮิลล์ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก
พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นแตะยอดหางปลาหรือ Machhapuchre ตามด้วยยอด Annapurna และ Dhaulagiri และยอดเขาสูงๆสวยๆ
อีกมากมาย พากันถ่ายรูปให้จุใจ ที่นี่ท่านสามารถมองเห็นวิวของเทือกเขาหิมาลัยแบบ Panorama ได้อย่างชัดเจน

06.30 น.ได้เวลาเดินลงจาก Poon Hill ใช้เวลาประมาณ 50-60 นาที เส้นทางที่เราเดินลงต้องผ่านดงกุหลาบพันปีเป็นทางยาว
07.30 น.กลับถึงที่พัก อาบน้ำ แล้วทานมี้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของเกสเฮ้าส์
09.00 น.เช็คเอ้าท์ ออกเดินทางกันต่อ วันนี้เราเดินลงเขากันชิลๆ ไปยังเส้นทางเดิมที่เราเดินผ่านมาเมื่อวาน ซึ่งส่วนมากเดินอยู่ในดงกุหลาบพันปี ผ่านบ้านเรือนและเกสเฮ้าและร้านค้าของชาวบ้านไปเรื่อยๆ จนเข้าเขตหมู่บ้าน Ulleri
12.00 น.ทานมื้อเที่ยงที่ Ulleri
13.00 น.ออกเดินต่ออีกครึ่งชั่วโมงไปขึ้นรถจี๊ปที่คิวรถ นั่งรถจี๊ปประมาณ 2 ชั่วโมงไปยังหมู่บ้าน Grandruk
16.00 น.ถึงคิวรถที่หมู่บ้าน Grandruk ก็ส่งสัมภาระให้ลูกหาบ แล้วเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 40-50 นาที หรืออาจจะใช้เวลามากกว่านั้น เพราะต้องหยุดถ่ายรูปชมวิวสวยๆระหว่าง หมู่บ้านนี้อยู่ในอ้อมกอดของเทือกหิมาลัย สามารถมองเห็นยอดเขาหิมะ Annapurna South, Machhapuchre, และยอดเขา Hiunchuli อย่างใกล้ชิด สวยงามอลังการ มีนาข้าวขั้นบันไดอยู่รอบๆหมู่บ้าน
17.00 น.โดยประมาณ ถึงที่พักที่หมู่บ้าน Grandruk เก็บสัมภาระ แล้วปล่อยตามอัธยาศัย ประมาณหกโมงเย็น ออกมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกสวยๆเหนือเทือกเขาหิมาลัยจากหน้าห้องพักกันเลย แค่โผล่หน้าจากห้องนอนมา ก็จ๊ะเอ๋กับยอดเขาต่างๆที่รอทักทายท่านอยู่แล้ว ตื่นตะลึงกับสวยงามขอยอดเขาหิมะ ที่อาบแสงอาทิตย์เป็นสีส้มตอนพระอาทิตย์กำลังจะตก ต้องรีบคว้ากล้องถ่ายรูปมาเก็บภาพสวยงามประทับใจกันโดยเร็ว
ค่ำๆ  : ลงมาทานมื้อเย็นด้วยกันที่ห้องอาหารของบ้านพัก แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เราพักบนเขา

วันที่ 5 : Ghandruk – Kimche – Pokhara (เดินประมาณ 30 นาที)
06.00 น.พากันออกไปชมกับความงดงามของเทือกเขาหิมาลัยที่โผล่มาทักทายท่านที่หน้าบ้านพักแต่เช้าตรู่ ชมพระอาทิตย์เริ่มฉายแสงฉาบยอดเขาหิมาลัย ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกัน
07.00 น.ทานมื้อเช้าด้วยกันที่ห้องอาหารของเกสเฮ้าส์ หลังจากนั้นพาไปชมวัดและพิพิธภัณฑ์และโรงแรมในหมู่บ้าน
09.30 น. กลับมาเช็คเอ้า อำลาหมู่บ้าน Grandruk เดินต่ออีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงหมู่บ้าน Kimche ซึ่งเป็นจุดที่เป็นคิวรถจี๊ป ขึ้นรถกลับเมืองโพครา ใช้เวลานั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมง
13.00 น.ถึงเมืองโพครา พาเข้าที่พัก เช็คอินน์ เก็บสัมภาระ แล้วออกไปทานมื้อเที่ยงกัน วันนี้ทานกันเลทหน่อยนะคะ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เดินช้อปปิ้งกันตามอัธยาศัย
18.30 น.นัดกันออกทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารริมทะเลสาบกัน

วันที่ 6 : Pokhara-Kathmandu
เช้าๆ  : ทานมื้อเช้าที่โรงแรม แล้วปล่อยฟรีไตล์ ให้ออกไปเดินเล่นถ่ายรูป หรือไปเดินช้อปปิ้งซื้อของฝากกันตามอัธยาศัย
สายๆ : ประมาณ 10.00 -11.00 น. นั่งเครื่องกลับเมืองกาฐมาณฑุประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วพาเข้าที่พักในย่านทาเมล
เที่ยง : ไปทานมื้อเที่ยงกันที่ภัตตาคารในย่านทาเมล
บ่ายๆ : นั่งรถไปออกไปชม ชมเจดีย์โพดะนาถ (Bhoudanath Stupa) ซึ่งมีสถูปดวงตาเห็นธรรมที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล องค์สถูปทรงกลมสีขาวมีภาพดวงตาเห็นธรรมสีแดง-เหลืองและน้ำเงิน และเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในเนปาลและเป็นศูนย์กลางทางศาสนาแบบทิเบตที่เจริญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีบ้านเรือนสีสดใสตั้งอยู่รอบๆ จากนั้นไปชม วัด Swayambhunath
หรือวัดลิง ซึ่งเป็นวัดที่มีเจดีย์ดวงตาเห็นธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในเนปาล ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขา ต้องเดินขึ้นบันไดไปสูงพอประมาณ ที่องค์เจดีย์จะมีคิ้วและดวงตาอยู่โดยรอบทั้งสี่ด้าน เป็นเจดีย์ทางพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียง มีอายุกว่า 2000ปี องค์สถูปครึ่งวงกลมสีขาวเป็นสัญญลักษณ์แทนธาตุทั้งสี่ ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ มีปล้องไฉนสีทองเหลืองอร่าม 13 ชั้นอยู่เหนือองค์สถูป เป็นสัญลักษณ์แทน
ระดับธรรม 13 ขั้นก่อนบรรลุพระนิพพานของพระพุทธองค์ จากตัววัดข้างบน มองลงมาเห็นวิวของกรุงกาฐมาณฑุทั้งเมืองอยู่เบื้องล่าง
19.00 น.ทานมื้อเย็นกันที่ภัตตาคารในย่านทาเมล

วันที่ 7 :  Kathmandu – BKK
07.00 น.ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม
08.00 น.เดินเท้าจากย่านทาเมล (ประมาณ 15 นาที) ไปชม (Kathmandu Durbar Square)
จตุรัสแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ ในปีพศ.2522 ชมวัดกุมารี (Temple of Kumari) เป็นอาคารเก่าแก่สูง 3 ชั้น มีบานหน้าต่างโดยรอบ หน้าต่างแต่ละบานแกะสลักเรื่องราวในศาสนาฮินดูตามความเชื่อของชาวเนปาลเกี่ยวกับองค์กุมารีมาเป็นเวลายาวนานกว่า 2600 ปี ได้เวลาพอสมควร พากลับที่พักเตรียมตัวไปสนามบิน
11.00 น.เช็คเอาท์จากที่พัก นั่งรถไปสนามบิน Tribhuvan ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง
11.30 น.ไปถึงเช็คอินน์ โหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง แล้วไปรอขึ้นเครื่องที่เกท
13.30 น.ได้เวลาเหินฟ้าอำลาเนปาล โดยไฟร้ท TG 320 สายการบินไทย ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
18.15 น.เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภมิโดยสวัสดิภาพ ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระแล้วอำลากัน แยกย้ายกลับบ้าน

อัตราค่าทริป
ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกในแต่ละทริป รับสมาชิกขั้นต่ำ 4 คน สูงสุด 10 คน
สมาชิก 4 คน ค่าทริปคนละ 42600 บาท   ถ้าไม่มีหัวหน้าทัวร์ไทย ค่าทริปคนละ 34300 บาท
สมาชิก 5 คน ค่าทริปคนละ 41500 บาท   ถ้าไม่มีหัวหน้าทัวร์ไทย ค่าทริปนละ 33000 บาท
สมาชิก 6 คน ค่าทริปคนละ 40000 บาท   ถ้าไม่มีหัวหน้าทัวร์ไทย ค่าทริปคนละ 31000 บาท
สมาชิก 7 คน ค่าทริปคนละ 36500 บาท   ถ้าไม่มีหัวหน้าทัวร์ไทย ค่าทริปคนละ 28800 บาท
สมาชิก 8 คน ค่าทริปคนละ 34800 บาท   ถ้าไม่มีหัวหน้าทัวร์ไทย ค่าทริปคนละ 27600 บาท
สมาชิก 9 คน ค่าทริปคนละ 33500 บาท   ถ้าไม่มีหัวหน้าทัวร์ไทย ค่าทริปคนละ 26300 บาท
สมาชิก 10 คน ค่าทริปคนละ 32000 บาท ถ้าไม่มีหัวหน้าทัวร์ไทย ค่าทริปคนละ 25500 บาท

– ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ ไป-กลับ กาฐมาณฑุ-โพครา
– ค่าจ้างหัวหน้าทัวร์ไทย 1 คน (Option)
– ค่าจ้างไกด์เดินเขาชาวเนปาล 1 คน
– ค่าจ้างลูกหาบแบกสัมภาระระหว่างเทรคกิ้ง 4 วัน (ลูกหาบ 1 คนต่อสมาชิก 2 คน)
– ค่าที่พักในทาเมล 1 คืน รวมอาหารเช้า (ห้องละ 2 คน)
– ค่าที่พักในโพครา 2 คืน รวมอาหารเช้า (ห้องละ 2 คน)
– ค่าที่พักระหว่างเทรคกิ้งบนเขา 3 คืน รวมอาหารเช้า มีห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่นอาบทุกห้อง
– ค่ารถรับ-ส่งระหว่างสนามบิน-โรงแรม-พาชมวัดทั้งในกาฐมาณฑุและโพครา
– ค่ารจี๊ปรับ-ส่ง (Pokhara —>Hile, Ulleri —> Grandruk, Grandrui —>Pokhara
– ค่าธรรมเนียมเข้าชมวัดต่างๆ ตามรายการที่แจ้งไว้
– ค่านั่งเรือในทะเลสาบเฟว่า
– ค่าทำวีซ่าเนปาล (วีซ่าท่องเที่ยว 15 วัน)
– ค่าทำประกันภัยการเดินทาง วงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท
– ค่าทำใบอนุญาตเดินเขา (ACAP permit & TIMS Card)

อัตรานี้ไม่รวม
– ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพ-กาฐมาณฑ (สมาชิกจะจองตั๋วเองก็ได้หรือจะให้เราจองให้ก็ได้)  – ค่าอาหารเที่ยงและเย็นและน้ำดื่ม
– ค่าขนมและเครื่องดื่มที่สมาชิกสั่งทานเอง
– ค่าชาร์ตแบตเตอรีกล้องถ่ายรูปและมือถือ ไอโฟน สมาร์ทโฟน (บางโรงแรมอาจจะต้องจ่ายเงิน)
– ค่าทิปเด็กยกกระเป๋า ไกด์ ลูกหาบ พ่อครัว เด็กเสิร์ฟ (แล้วแต่ความพึงพอใจ)
– ค่าซักรีด เสื้อผ้า ที่ส่งซักตามโรงแรมต่างๆ จ่ายกันเองนะคะ

การจองทริป
ส่งสำเนาพาสปอร์ตทางไลน์ พร้อมโอนค่ามัดจำทัวร์ คนละ 5000 บาท
ในกรณีที่ต้องการใช้เราจองตั๋วเครื่องบินให้ (เช็คค่าตั๋ว ในวันจองทัวร์) พร้อมโอนค่าตั๋วเต็มราคาชำระค่าทริปที่เหลือก่อนเดินทาง 15 วัน (วันที่ส่งพาสปอร์ตมาทำวีซ่าและประกันภัยการเดินทาง)

การทำวีซ่า&ประกันภัยการเดินทาง&ทำเพอร์มิตเดินเขา
– พาสปอร์ตมีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือนนับจากวันเดินทาง
– สำเนาพาสปอร์ต 4 แผ่น (สำหรับทำวีซ่าและประกันภัยการเดินทางและเพอร์มิตเดินเขา)
– รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้ว  3 ใบสำหรับทำวีซ่าและใบอนุญาตเดินเขา (ACAP Permit & TIMS Card)

การเตรียมตัว
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนเยอะๆ และควรหาเวลาไปเเดินเขาในเมืองไทยบ้าง เช่นภูกระดึง ภูสอยดาว ดอยหลวงเชียงดาวหรือเขาหลวง เพื่อให้ร่างกายคุ้นชินกับการเดินขึ้น-ลงเขา

สิ่งที่ต้องเตรียม
– ของใช้ส่วนตัว สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว ครีมทาผิว โลชั่นกันแดด ลิปกลอสที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปากพอ
– หมวกกันแดด หมวกกันหนาว แว่นตากันแดด ถุงมือ ถุงเท้า, แมสก์
– ถุงนอน (ช่วงปีใหม่ บนเขาอากาศหนาวเย็น ถุงนอนควรจะรับอุณหภูมิได้ประมาณ -5-10 องศา
แจ๊คเก็ตอย่างดี ให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอ ไม้เท้า (ไปหาซื้อที่โพคราหรือเช่าก็ได้ค่ะ)
– ยาสามัญประจำตัวที่จำเป็น รวมถึงยาคลายกล้ามเนื่้อ ยาแก้แพ้อากาศ
– อาหารแห้งต่างๆ มาม่า น้ำพริกชนิดต่างๆ ลูกอม กาแฟสำเร็จรูป น้ำปลา อาหารกระป๋อง (สำหรับคนที่ทานยากควรนำติดตัวไปบ้าง)

กระเป๋าเดินทาง
***ตอนเทรคกิ้งบนภูเขาควรใช้เป้ เพราะสะดวกสำหรับลูกหาบที่จะต้องแบกสัมภาระให้ ถ้าเป็นกระเป๋าลากก็ควรเอาฝากไว้ที่โรงแรม
ในโพคราก่อนออกเทรคกิ้ง
***ควรมีกระเป๋าสะพายหรือเป้ใบเล็กๆติดตัวสำหรับใส่ของใช้ส่วนตัว เช่นกระเป๋าสตางค์ พาสปอร์ต มือถือ S-D การ์ด ลูกอม น้ำดื่ม
หมายเหตุ : สายการบินภายในประเทศเนปาล กำหนดให้น้ำหนักโหลดกระเป๋าได้ไม่เกิน 15 กก.ต่อคน

คำแนะนำเพิ่มเติม
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา 1 บาท ~ 3.40 – 3.50 รูปี, 1 usd ~ 128-130 รูปี
เวลาที่เนปาลช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง 15 นาที
ที่โรงแรมในกาฐมาณฑุและโพคราและโรงแรมบนเขามีไวไฟให้ใช้

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

3 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments
ศิริพร
ศิริพร
1 year ago

ไปลุยหิมะกันค่ะ

adminweb
Admin
1 year ago

ยินดีต้อนรับจ้ะ

adminweb
Admin
1 year ago

ยินดีจ้ะ