ทริปอัครา จัยปูร์ แคชเมียร์ ศรีนาคา 9 วันเต็ม 
Taj Mahal Jaipure, Kashmir Srinagar (9 Days)
  ชมทัชมาฮาลและป้อมอัครา เที่ยวพาฮัลแกม โซนามาร์ค กุลมาร์ค

โปรแกรมการทัวร์ ปี 2563
31 มีค. – 08 เมย.63 (วันจักรี) : เป็นช่วงที่หิมะกำลังสวยดอกทิวลิปสวยๆและดอกมัสตาร์ตเริ่มบาน
11 เมย. – 19 เมย.63 : (เทศกาลสงกรานต์) : มีหิมะที่กุลมาร์ค ดอกทิวลิปกำลังสวย มัสตาร์ตกำลังบานสีเหลืองอร่ามเต็มทุ่ง
28 เมย. – 06 พค.65 : วันแรงงาน & วันฉัตรมงคล  :  ที่เมืองอัคราและชัยปุระอากาศร้อนนิดหน่อยแต่ที่แคชเมียร์อากาศยังหนาวเย็นอยู่

โปรแกรมการเดินทาง

วันแรก : กรุงเทพ – เดลี
21.00 น.  พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ J – H เช็คอินน์ โหลดสัมภาระ
23.15 น. เหินฟ้าสู่เดลีด้วยสารการบินไทย ไฟร้ท TG 331 ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมงครึ่ง ทานอาหารบนเครื่อง

วันที่ 2 : เดลี-อัครา (ชมทัชมาฮาลและป้อมอัครา) พักเมืองอัครา
02.15 น. ถึงสนามบินอินทิรา คานธี เดลี ตามเวลาท้องถิ่นอินเดีย ซึ่งช้ากว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง 30 นาที ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระจากสายพาน
03.00 น. พาขึ้นรถยนต์ส่วนบุคคล เดินทางไปเมืองอัครา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
07.00 น. ถึงเมืองอัครา พาไปเช็คอินน์ที่โรงแรมซึ่งอยู่ใกล้ทัชมาฮาล ล้างหน้าแปรงฟัน ใครต้องการจะอาบน้ำ ก็ต้องทำเวลาหน่อยนะคะ  หลังจากนั้นก็ลงไปทานมื้อเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมกัน
09.00 น. พาท่านไปเยี่ยมชมทัชมาฮาล (Taj Mahal)

เที่ยง ทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหารใกล้ๆป้อมอัครา
บ่ายๆ พาไปชมป้อมอัครา (Agra Fort) ซึ่งเป็นพระราชวังใหญ่สร้างด้วยหินทรายสีแดง โดดเด่น ล้อมรอบด้วยกำแพงสองชั้นล้อมรอบอาคารทางเข้าทั้งสี่ทิศ ภายในประกอบด้วยมัสยิดและสวนดอกไม้และสนามหญ้าสีเขียว สร้างโดยกษัตริย์อัคบา ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 3 ยุคกษัตริย์แห่งราชวงศ์โมกุลและกลายเป็นสถานที่คุมขังกษัตริย์ชาจาร์ฮาลโดยน้ำมือพระโอรสของพระองค์เอง ป้อมอัคราได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ในปี คศ. 1983  พาท่านชมความงดงามทางสถาปัตยกรรมต่างๆ พาชมห้องที่กษัตริย์ชาจาร์ฮาลถูกพระโอรสจับขัง จนไว้สิ้นพระชนม์ในเวลา 8 ปีต่อมา มองไปเห็นทัชมาฮาลโดดเด่นอยู่ที่โค้งแม่น้ำยมุนา ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน หลังจากนั้น
เย็นๆ ทานมื้อเย็นพร้อมกันที่ภัตตาคารใกล้ๆโรงแรม หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน

วันที่ 3 : อัครา – จัยปูร์
07.00 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม
08.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองชัยปุระ หรือนครสีชมพูซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งรัฐราชาสถาน นั่งรถประมาณ 4-5 ชั่วโมง ระหว่างทางแวะชมเมืองโบราณ ฟาแตห์ปูร์ สิครี ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองอัคราประมาณ 40 กิโลเมตร สร้างโดยพระเจ้าอักบาร์มหาราชแห่งราชวงศ์โมกุล แต่เดิมเรียกว่า ฟาติฮาบัท แปลว่า “เมืองแห่งชัยชนะ” หลังจากกษัตริย์อักบาร์ได้ชัยชนะในสงครามอินเดียตอนใต้ ต่อมาภายหลังจึงเพี้ยนมาเป็น ฟาร์ติบูร์  เมืองฟาร์ติบูร์ สิครี สร้างด้วยหินทรายสีแดง ตั้งอยู่บนภูเขาใกล้หมู่บ้านสิครี ใช้เวลาก่อสร้างถึง 9 ปี จึงแล้วเสร็จ แต่หลังจากนั้นเพียง 15 ปี ก็กลายเป็นเมืองร้างเพราะว่าขาดแคลนน้ำในการดำรงชีวิต เมืองฟาร์ติบูร์ สิครีเป็นเมืองเดียวในอินเดียที่ยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบโมกุลที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบที่สุด ออกเดินทางกันต่อ
เที่ยง เถึงเมืองจัยเปอร์หรือชัยปุระ พาไปทานมื้อเที่ยงที่ภัตตาคารในเมืองชัยปุระ
บ่ายๆ พาไปชมพระราชวังแอมเบอร์ (Amber Fort) ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาสูง สร้างขึ้นโดยมหาราชาแมนสิงห์ ในปีค.ศ.1592 และเสร็จสิ้นในสมัยของมหาราชาใจสิงห์ใครต้องการนั่งขึ้นไปบนพระราชวังก็ได้ เดี๋ยวจะติดต่อช้างให้ค่ะ ราคาต้องต่อรองกันหน่อยนะคะ พอลงจากหลังช้างต้องเดินเท้าขึ้นบันไดเข้าไปข้างในอีก ระหว่างทางท่านจะเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสองข้างทาง พระราชวังฤดูร้อนและพระราชวังฤดูหนาวจะประดับด้วยพลอยหลากสีสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ ห้องที่ประทับในพระราชวังฤดูร้อนที่งดงามนี้เป็นการจำลองความงามของท้องฟ้ายามราตรี จากนั้นนำท่านเข้าชมพระราชวังหรือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองล้อมรอบด้วยกำแพงสูง
พาไปชม พระราชวังสายลม Hawa Mahal หรือ Palace of the Winds สร้างขึ้นในปี คศ.1799โดยมหาราชาไสว ประตับซิงห์เพื่อใช้เป็นพระราชวังที่ประทับพระราช วังแห่งนี้มีความสูงถึง 15 เมตร มี 5 ชั้น สร้างด้วยหินทรายสีแดงอมชมพู  มีลักษณะคล้ายฉากในโรงละครมากกว่าที่จะเป็นพระราชวัง บานหน้าต่างประดับประดาไว้ด้วยลวดลายอันวิจิตรตระการตา ใช้เป็นที่สำหรับสตรีในวังในสมัยนั้น มองผ่านทางช่องหน้าต่างชมวิถีความเป็นอยู่ของคนนอกวัง แต่จากภายนอกจะมองไม่เห็นคนที่อยู่ด้านใน หน้าต่างทุกบานจะกรุเป็นช่องตามหน้ามุขซื่งรวมกันได้ถึง 953 บาน ในแต่ละช่องจะมีมุขระเบียงและหลังคาเพื่อระบายลม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ ฮาวามาฮาลหรือพระราชวังสายลม เราจะให้สมาชิกถ่ายรูปอยู่ด้านหน้า  เพราะจะได้รูปที่สวยงามกว่าการเข้าไปถ่ายในด้านในของพระราชวัง
พาไปชม City Palace พระราชวังถูกสร้างขึ้นด้วยหินแกรนิตและหินอ่อน ภายในประดับประดาด้วยกระจกและแก้วหลากสี นับเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นราชาสถาน สร้างขี้นในสมัยมหาราชสวายจัย ซิงห์ที่ 2 หลังจากนั้นก็ได้รับการสร้างต่อเติมจากมหาราชาของเมืองชัยปุระองค์ต่อๆมา พระราชวังนี้มีสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างราชปุตกับโมกุล เนื่องจากช่วงแรกเริ่มของการก่อสร้าง ราชวงศ์โมกุลได้เข้ามามีอิทธิพลต่อราชราชสถานแล้ว  โดยปัจจุบัน City Palace ได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมในนามของพิพิธภัณฑ์สะหวายมานสิงห์ (Sawai Man Singh Museum) ถึงแม้มหาราชาไม่ได้พำนักอยู่แล้วแต่ City Palace แห่งนี้ก็ยังถือเป็นสมบัติส่วนพระองค์ ชาวเมืองชัยปุระบางส่วนก็ยังนับถือพระองค์อยู่แม้พระองค์จะไม่มีอำนาจใดๆก็ตาม
18.00 น. ได้เวลาพอสมควร พาไปเช็คอินน์ที่โรงแรมในเมืองชัยปุระ เก็บสัมภาระแล้วพาออกไปทานมื้อเย็นที่ภัตตารคารในเมืองจัยปุระ หลังจากนั้นก็พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่ 4 : จัยปูร์ – เดลลี – ศรีนาคา
07.00 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม
08.00 น. เช็คเอ้าท์ นั่งรถไปเมืองเดลลี แวะชม หอดูดาวจันตาร์มันตาร์ห (Jantar Mantar) ซึ่งจัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองชัยปุระ โดยได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ.2010สร้างและคิดค้นขึ้นโดยมหาราชาสะหวายจัยสิงห์ ที่ 2 พระองค์มีความสนพระทัยและพระปรีชาในเรื่องดาราศาสตร์ จึงรับสั่งให้สร้างหอดูดาวแห่งนี้ขึ้นมาพร้อมๆกับการก่อสร้าง City Palace เพื่อใช้สังเกตุดูความเคลื่อนไหวของพระอาทิตย์ พระจันทร์และดวงดาว โดยหอดูดาวจันตาร์ มันตาร์แห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในสมัยโบราณ เพราะถูกใช้คำนวณฤกษ์ยามในการออกศึกทำสงครามนั่นเอง หลังจากนั้นก็อำลาเมืองชัยปุระ ออกเดินทางไปเมืองเดลลี ใช้เวลา 4-5 ชม.  ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
เที่ยงๆ แวะทานมื้อเที่ยงกันที่ภัตตาคารระหว่างทาง
13.30 น. ถึงสนามบินเดลี พาไปเช็คอินน์กับสายการบิน Indigo ไฟร้ท 6E 2148
15.05 น. บินไปศรีนาคา ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 35 นาที
16.35 น. ถึงสนามบินศรีนาคา รับสัมภาระแล้วขึ้นรถยนต์ส่วนตัวเดินทางสู่ทะเลสาบดาล ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง
17.40 น. ถึงท่าเรือทะเลสาบดาล นั่งเรือชิคาราไปบ้านเรือกลางทะเลสาบ ประมาณ 15 นาที
18.00 น. ถึงบ้านเรือ เก็บสัมภาระ แล้วแยกย้ายกันเข้าห้อง ทำธุระส่วนตัว
19.30 น. ออกมาทานมื้อเย็นพร้อมกันที่ห้องอาหารของบ้านเรือ หลังจากนั้นเชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่ 5 : ศรีนาคา-ทะเลสาบดาล ชมสวนทิวลิป ชมสวนโมกุล พักบ้านเรือ
07.00 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของบ้านเรือ
07.30 น. พาไปชมสวนทิวลิปสวนทิวลิปแห่งเมืองศรีนาคา ซึ่งจะบานประมาณเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่แห่งเอเชียแปซิฟิค มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีแนวเทือกเขาเป็นฉากหลัง  ให้ท่านถ่ายรูปกับทุ่งทิวลิปและดอกไม้เมืองหนาวที่บานแข่งสีสันสวยงาม หลังจากนั้นพาไปชมสวนโมกุลอีก 2 แห่ง คือสวน Shalimar และสวน Nishat
12.30 น. พาไปทานมื้อเที่ยงที่ภัตตาคารริมทะเลสาบ หลังจากนั้นพาไปชมสวนโมกุลกันต่อ Shalimar Garden เป็นสวนดอกไม้ที่สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์โมกุลก่อสร้างโดยจักรพรรดิ Jehangir เพื่อมเหสีอันเป็นที่รักชื่อ Nur Jehan เป็นที่ประทับช่วงฤดูร้อน เป็นสวนที่มีชื่อเสียงในด้านการจัดแต่งตามแบบสมัยของราชวงศ์โมกุล เนื่องจากภูมิอากาศเย็นเหมาะสมในการเจริญเติบโตของต้นไม้ดอกไม้เมืองหนาว จึงกลายเป็นที่พักผ่อนของกษัตริย์ในราชวงศ์โมกุลและเชื้อพระวงศ์ในอดีต แล้วไปต่อกันที่สวน Nishat หรือสวนแห่งความรัก Nishat Garden เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาว มีการปลูกดอกไม้ประจำถิ่นสวยๆไว้มากมาย และมีต้น Chinar อายุหลายร้อยปีอยู่หลายต้น เป็นต้นไม้ที่มีลักษณะคล้ายต้นเมเปิ้ล มีอายุกว่า 400 ปี ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทะเลลสาบดาล ด้านหลังมองเห็นยอดเขาหิมะจากเทือกเขา Panjal ซึ่งตั้งสูงตระหง่านอยู่ทางทิศตะวันตกของหุบเขา Nishat
16.00 น. ได้เวลาพอสมควร พาไปลงเรือที่ท่าเรือเกท 9 นั่งเรือชิคาร่า เดินทางสู่บ้านเรือที่อยู่กลางทะเลสาบดาล (Dal lake)
16.30 น.  ถึงบ้านเรือ เช็คอินน์ เก็บสัมภาระเข้าห้องพัก ปล่อยทำอัธยาศัยทำธุระส่วนตัว อาบน้ำอาบท่ากันให้สดชื่น
19.30 น. ทานมื้อเย็นพร้อมกันที่ห้องอาหารของบ้านเรือ แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน


วันที่ 6 : ศรีนาคา – พาฮัลแกม – พักบ้านเรือ ทะลสาบดาล
07.00 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่บ้านเรือ
07.30 น. นั่งรถไปเที่ยวเมืองพาฮัลแกม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ระหว่างทางจะเห็นทุ่งมัสตาร์ดสีเหลืองอร่ามสวยงาม กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาสองข้างทาง ซึ่งจะมีให้ชมเฉพาะเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมเท่านั้น จอดให้ถ่ายรูปกับ ทุ่งมัสตาร์ด
Pahalgam หรือ Village of Shepherds หรือ “หุบเขาแกะ” อยู่ห่างจากเมืองศรีนาคาไปทางทิศตะวันออก 90 กม.ตั้งอยู่ที่ความสูงเฉลี่ย 2740 เมตรจากระดับน้ำทะเล จึงทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของแคชเมียร์เนื่องจากมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เต็มไปด้วยป่าสนสีเขียว โอบล้อมด้วยยอดเขาหิมะสีขาวสวยงาม มีทุ่งหญ้าไว้เลี้ยงแพะ แกะ ม้า มีแม่น้ำริดเดอร์ไหลผ่าน โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่นี่จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน จนได้รับการขนานนามว่า  “เป็นสวิสเซอร์แลนด์แห่งอินเดีย”
11.00 น.  ถึงเมือง Pahalgam ทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารแถวนั้น

บ่ายๆ พาสมาชิกขี่ม้าไปยังจุดชมวิว Baisaran ซึ่งอยู่กลางหุบเขา ล้อมรอบด้วยทิวสนสลับซับซ้อนสวยงาม เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์บอลลีวูดของอินเดียหลายเรื่อง ให้เวลาสมาชิกได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์รอบข้าง ถ่ายรูปกับหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยทิวสน แล้วพาขี่ม้ากลับลงมาด้านล่าง พาเดินชมแม่น้ำริดเดอร์กลางหุบเขาที่มีสายน้ำที่ไหลมาบรรจบกันที่เมืองพาร์ฮาลแกม เดินช๊อปปิ้งในตลาด มีสินค้าให้เลือกซื้อหลากหลาย ทั้งผลไม้อบแห้ง แอ๊ปเปิ้ล พลับอินทผลัม ลูกเกด เสื้อผ้ากันหนาวสวยๆ แจ็กเก็ต เสื้อผ้าลายแคชเมียร์ ผ้าพาสมีน่า ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าคลุมเตียง หมวกไหมพรม  กระเป๋าสะพายปักลายสวยๆ ถุงมือ ถุงเท้า รับรองว่าได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้านกันทุกคน
เย็นๆ ได้เวลาพอสมควร พาท่านนั่งรถกลับเมืองศรีนาคา แล้วพาเข้าที่พักที่บ้านเรือ


วันที่ 7 : ศรีนาคา – โซนามาร์ค – ช๊อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง – พักบ้านเรือทะเลสาบดาล
07.00 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่บ้านเรือ
08.00 น. ออกเดินทางไปเที่ยวโซนามาร์คกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.เศษ
10.30 น. ถึงโซนามาร์ค พาท่านขี่ม้าขึ้นไปชมธารน้ำแข็ง ค่าม้าแล้วแต่จะต่อรองกัน ประมาณ 800-1000 รูปี Sonamarg เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่ลาดัก (Gateway to Ladakh) ซึ่งอยู่ก่อนถึงเมืองศรีนาคาตั้งอยู่ในหุบเขาซิน (Sindh) ซึ่งเป็นจุดที่มีน้ำตกที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งบนเทือกเขา Shakhdan  ชมความงามของทิวสนและเทือกเขา Shakhdan ซึ่งปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี เปิดโอกาสให้ถ่ายภาพกันให้เต็มอิ่ม แล้วพากันขี่ม้ากลับลงมา ช๊อปปิ้งกันที่ด้านล่าง มีสินค้าจำพวกอุปกรณ์กันหนาวและสินค้าพื้นเมืองให้เลือกซื้อมากมาย

เที่ยง : ทานมื้อเที่ยงพร้อมกันที่ร้านอาหารหน้าโซนามาร์ค แล้วเดินทางกลับศรีนาคา พาแวะศูนย์แสดงสินค้า ปล่อยให้ท่านเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองต่างๆ เช่น ผ้าพาสมิน่า ผ้าแคชเมียร์ เสื้อผ้าปักลวดลายแคชเมียร์สวยงาม กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าถือสุภาพสตรี ปักลวดลายน่ารักหลากสีสันและของที่ระลึกจากเปเปอร์มาเช่  พรมทอมือคุณภาพดีที่มืชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากแคชเมียร์ ได้เวลาพอสมควรพาเดินทางกลับศรีนาคา แวะชมสวนโมกุลแห่งแคชเมียร์ ตามที่เวลาจะอำนวย
18.00 น. พาท่านนั่งเรือ Shikara ออกไป Night Market ช๊อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองที่ตลาดลอยน้ำตามบ้านเรือต่างๆในทะเลสาบดาล
20.30 น. กลับมาทานมื้อค่ำที่บ้านเรือด้วยกัน แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน ดูทีวี เล่นเนต อัพรูป ตามอัธยาศัย


วันที่ 8 : ศรีนาคา (บ้านเรือ) – กุลมาร์ค – นั่งกระเช้าคอนโดล่า พาไปเล่นหิมะ – พักกุลมาร์ค
07.00 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของบ้านเรือ แล้วถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วยกัน วันนี้เราต้องอำลาจากบ้านเรือกันแล้วนะคะ
10.30 น. ถึงกุลมาร์ค พาเข้าที่พัก เช็คอินน์ เก็บสัมภาระ
11.00 น. พาท่านขึ้นกระเช้าคอนโดล่า ท่านไม่ต้องการขึ้นกระเช้าก็สามารถเดินเล่นถ่ายรูปกับวิวสวยๆด้านล่างได้ค่ะ กระเช้าจะพาไปลานสกีที่ถูกที่สุดในโลกกัน มีสกีและเลื่อนให้เช่าเล่น แต่ต้องจ่ายเงินค่าเช่ากันเอง ระหว่างทางจะมองเห็นทุ่งหญ้าซึ่ง
ช่วงนั้นอาจจะถูกคลุมด้วยหิมะและต้นสนเมืองหนาวในหุบเขา ให้เวลาสนุกสนานกับการเล่นหิมะและถ่ายรูปกันจนเต็มอิ่ม พอสมควรแก่เวลาแล้วพานั่งกระเช้ากลับลงมาด้านล่าง
12.30 น. กลับที่พัก ทานมื้อเที่ยงที่โรงแรมในกุลมาร์ค แล้วปล่อยตามอัธยาศัย ให้ท่านมีเวลาส่วนตัวเดินเล่นถ่ายรูปกับทิวทัศน์สวยๆรอบกุลมาร์ค
18.00 น. ทานมื้อเย็นพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรมแล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน ท่าม กลางอากาศที่หนาวเหน็บสะใจ


วันที่ 9 : กุลมาร์ค – สนามบินศรีนาคา – เดลี – กรุงเทพ
08.00 น.  ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม
09.00 น. พาไปถ่ายรูปเล่นรอบๆกุลมาร์ค ซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะ ขาวโพลนชวนตื่นตาตื่นใจ
13.30 น. เช็คอินน์ กับสายการบิน Go Air โหลดสัมภาระขึ้นเครื่อง ผ่านพิธีตม.ทานมื้อเที่ยงในสนามบิน
15.45 น. อำลาศรีนาคา บินสู่สนามบินเดลลี ด้วยไฟร้ท G8-184 ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 20 นาที
17.05 น. ถึงสนามบินเดลลี นั่ง Shuttle Bus ไปสนามบินอินเตอร์ Terminal 3 ไปรอเช็คอินน์ เพื่อบินกลับเมืองไทย
19.00 น. ทานมื้อเย็นกันในสนามบิน
21.30 น. ได้เวลาเช็คอินน์กับการบินไทย โหลดสัมภาระ ผ่านตม.รอขึ้นเครื่อง
23.30 น. ได้เวลาเหินฟ้าอำลาอินเดีย กับไฟร้ท์ TG 316 ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง บินสู่สุวรรณภูมิ
วันที่ 10 : ถึงสุวรรณภูมิ
05.25น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ผ่านพิธิตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าช่วงเวลา 7 วันที่ได้ใช้ชีวิต กินเที่ยว สนุกสนานด้วยกัน คงทำให้ท่านได้รับความประทับใจบ้างไม่มากก็น้อยและให้เราได้มีโอกาสรับใช้ท่านในทริปต่อๆไปอีกนะคะ ขอขอบคุณลูกค้าที่น่ารักทุกท่าน

อัตราค่าทริป : ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกค่ะ ขั้นต่ำ 5 คน รับจำนวนจำกัด แค่ 12 ท่านเท่านั้น
กรุณาโทรสอบถาม

อัตรานี้รวม
* ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ ไป-กลับ กรุงเทพ-เดลลี (การบินไทย/เจ็ตแอร์เวย์) แล้วแต่จะจองได้

หมายเหตุ :  ค่าตั๋วเครื่องบิน 4 ไฟร้ท์ ต้องไม่เกิน 19000 บาท ถ้าลูกค้าจองทริปเข้ามาช้า แล้วตั๋วปรับขึ้นเกินที่กำหนดลูกค้าต้องจ่ายส่วนต่างเองนะคะ
* ค่าตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ 2 ไฟร้ท
* ค่าอาหารหลักวันละ 3 มื้อ รวมน้ำดื่ม ชา กาแฟ และผลไม้
* ค่าน้ำดื่มบรรจุขวด วันละ 1 ขวดลิตร
* ที่พัก ห้องละ 2 หรือ 3 คน มีห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่นอาบ
(ที่พักระดับปานกลาง ไม่หรูหราเน้นวิวสวยและสะอาดปลอดภัย)
* ค่ารถ นำเที่ยว ตลอดเส้นทาง
* ค่าทำวีซ่าอินเดีย
* ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ เช่นพระราชวัง ป้อม สวนดอกไม้
* ค่าตัวผู้นำทริปจากเมืองไทย 1 คน
* ค่าประกันภัยการเดินทาง วงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท

หมายเหตุ : อัตรานี้ ค่าตั๋วเครื่องบิน 4 ไฟร้ทรวมกันแล้วไม่เกิน 20000 บาท เนื่องจากค่าตั๋วภายในประเทศอินเดีย ปรับราคาขึ้นตลอดเวลา ถ้าจองทริปเข้ามาเร็ว จะได้ตั๋วถูกกว่า แต่ถ้าจองช้า ถ้าตั๋วราคาเกิน 2 หมื่นบาทลูกค้าต้องจ่ายส่วนต่างเองนะคะ

อัตรานี้ไม่รวม
*ค่าทิป ไกด์ พนักงานขับรถ เด็กยกของ (เรื่องทิปเป็นเรื่องสำคัญของชาวอินเดีย เป็นสิ่งที่พวกเค้าหวังว่าจะได้จากลูกค้าจะมากจะน้อยแล้วแต่ท่าน แต่ควรจะให้เค้าบ้าง
(จะแชร์เงินกันก็ได้)
* ค่าเช่าม้า ค่าเลื่อน ค่าขึ้นกระเช้าไฟฟ้า
* ค่าแท็กซี่ และล่องเรือชิคาร่าในทะเลสาบ ที่นอกเหนือจากระบุไว้ในรายการ ท่านต้องจ่ายเอง ตกลงราคากันเองนะคะ
* ค่าเครื่องดื่มแฮลกอออล์ น้ำอัดลม ไอศครีม ชา กาแฟ และขนมขบเคี้ยวต่างๆ ที่ท่านสั่งทานเอง นอกเหนือจากที่เราจัด
เตรียมไว้ให้ ท่านต้องจ่ายเองนะคะ
* คาโทรทางไกล ค่าบริการซักเสื้อผ้า

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณศิริพร : เบอร์โทร : 081-8183286, 092-4341166
ไลน์ ID : sk_pond135   อีเมล : s_pond2010@hotmail.com  ใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยวเลขที่ : 11/06268

การจองทริป
ส่งหน้าพาสปอร์ต พร้อมกับโอนเงินค่ามัดจำทริป 15000 บาท เพื่อจองตั๋วภายในประเทศ ล่วงหน้าอย่างต่ำ 6 เดือน
โอนเงินค่าทริปที่เหลือ ก่อนเดินทาง 20 วัน

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments