EASY ON TOUR by Siriporn
 ทริปแคชเมียร์ ศรีนาคา เลห์ ลาดัก อัครา – ชมทัชมาฮาล รวม 9 วัน 7 คืน
ทริปนี้เราเคยจัดมาก่อนแล้ว 14 ครั้ง เราขอใช้ประสบการณ์ที่มีเสนอตัวรับใช้เพื่อนๆ นักเดินทางที่ชอบการท่องเที่ยวแบบสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามแปลกตาอย่างใกล้ชิดต่อไปนะคะ ไปสัมผัสสวรรค์บนดิน ณ ดินแดนแคชเมียร์ และชวนไปท่องดินแดนหิมาลัยสูงสุดขอบฟ้าอันไกลโพ้น น่าค้นหา สัมผัสกับวัฒนธรรมเก่าแก่ ผู้คนยึดมั่นในพุทธศาสนา เชิญมาร่วมเดินทางไปค้นหาขอบฟ้าหิมาลัยกับเราสิคะ
โปรแกรมทัวร์ ปี 2567  กำลังเปิดรับค่ะ
20 – 28 กย.กลางวันอากาศเย็นสบาย หนาวตอนกลางคืน เป็นช่วงที่แอ๊ปเปิ้ลกำลังสุกเต็มที่
03 – 11 ตค. เริ่มต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อากาศเริ่มกลับมาหนาวเย็น
10 – 18 ตค. (หยุดวันคล้ายวันสวรรคตในหลวง ร.9) ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อากาศกลับมาหนาวเย็น มีหิมะตกตามพาสต่างๆ
หมายเหตุ : กรุณาจองทริปมาล่วงหน้า อย่างน้อย 3 เดือนนะคะ เพราะถ้าจองเข้ามาช้าตั๋วเครื่องบินจะปรับราคาแพงสูงขึ้นมาก เราก็ไม่สามารถขายทริปให้ท่านในราคาเดิมได้

โปรแกรมการเดินทาง

วันแรก : กรุงเทพ – นิวเดลี

21.00 น.พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ J – H ของการบินไทย พาไปเช็คอินน์
23.15 น.เหินฟ้าสู่กรุงนิวเดลีด้วยสารการบินไทย ไฟร้ท TG 331 ใช้เวลาบิน 4 ชม.ครึ่ง ทานอาหารบนเครื่อง

วันที่ 2 : เดลี – อัครา (ชมทัชมาฮาล-ป้อมอัครา-เบบี้ทัช)
02.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นอินเดีย ซึ่งช้ากว่าเมืองไทย 1 ชม. 30 นาที เดินทางถึงสนามบิน อินธิรา คานธี พาไปเข้าคิว เตรียมสแต้มป์วีซ่า ผ่านตม. แล้วออกมาเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็รับสัมภาระจากสายพาน
03.30 น. ออกมาขึ้นรถยนต์ส่วนบุคคลเดินทางไปเมืองอัครา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.
07.30 น. โดยประมาณถึงเมืองอัครา พาไปเช็คอินที่โรงแรมใกล้ๆทัชมาฮาล แล้วทานมื้อเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นใครจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื่อผ้าก็ตามอัธยาศัย
09.30 น. พาไปชมทัชมาฮาล (Taj Mahal) เป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 7 ของโลก เป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ชาจาร์ฮาล ที่มีต่อพระมเหสีองค์ที่สาม คือ พระนางมุมตัสมาฮาล ซึ่งสิ้นพระชนม์จากการให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 ภายในทัชมาฮาล มีโลงพระศพจำลองของพระนางมุมตัสและกษัตริย์ชาจาร์ฮาลวางไว้เคียงคู่กัน ที่นีมีบริเวณกว้างใหญ ด้านหลังจะเป็นแม่น้ำยมุนา มองเห็นป้อมอัคราโดดเด่นอยู่ที่โค้งแม่น้ำนี้ ให้เวลาสมาชิกเดินชมวิว ถ่ายรูปได้กัน 2 ชั่วโมง
12.00 น. ทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารใกล้ทัชมาฮาล
13.30 น. พาไปชม Agra Fort หรือป้อมอัครา
Agra Fort เป็นพระราชวังใหญ่โตสีแดงอมส้มโดดเด่นล้อมรอบด้วยกำแพงสองชั้น ปกป้องอาคารทางเข้าทั้งสี่ทิศ ภายในประกอบด้วยมัสยิดและสวนดอกไม้และสนามหญ้าสีเขียว อาคารหินทรายสีแดง สร้างโดยกษัตริย์อัคบา ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 3 ยุคกษัตริย์แห่งราชวงศ์โมกุลและกลายเป็นที่คุมขังกษัตริย์ชาจาร์ฮาลโดยน้ำมือพระโอรสของพระองค์เอง ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมต่างๆภายในพระราชวัง ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน
16.00 น. พาไปชม เบบี้ทัช (Baby Taj) หรือ Itmad-ud-Daula สร้างขึ้นมาจากหินอ่อนขาวบริสุทธิล้วนๆ มีชื่อเสียงด้านงานแกะสลักที่อ่อนช้อยและประณีตวิจิตรอย่างยิ่ง แม้ว่า BabyTaj จะมีขนาดเล็กกว่าและเป็นที่รู้จักกันน้อยกว่าทัชมาฮาลซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกัน แต่สุสานแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงเรื่องความงดงามอ่อนช้อย มีการประดับตกแต่งฝังพลอยอย่างความประณีตสูงคู่กับกระเบื้องโมเสกที่มีสีสันสวยงาม
Baby Taj สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ นายมีร์ซา กียาซ เบค (Mirza Ghiyas Beg) พ่อค้าที่ทำการค้าจนล้มละลาย แต่โชคชะตากลับพลิกผันหลังจากที่บุตรสาวของเขานามว่า นูร์ ชะฮัน (Nur Jahan) ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ซึ่งต่อมานายกียาซ เบคได้ก้าวขึ้นเป็นเสนาบดีฝ่ายการคลังของสมเด็จพระจักรพรรดิชะฮันคีร์แห่งราชวงศ์โมกุล (Mughal Emperor Jahangir) และได้รับฐานันดรอิตมัดอุดดุลลาห์ (เสาหลักแห่งจักรวรรดิโมกุลขณะที่บุตรีของเขาเป็นพระมเหสีของท่านจักรพรรดิ และพระจักรพรรดินีนูร์ ชะฮันนี่เองที่ทรงได้สร้างสุสานขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแก่นายมีร์ซา กียาซ เบคในช่วงทศวรรษที่ 1620 ส่วนทัชมาฮาลนั้นเป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างให้กับหลานสาวของเขานามว่าพระนางมุมตาซ มาหัล (Mumtaz Mahal)
18.00 น. ทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารในเมืองอัครา หลังจากนั้นพากลับโรงแรม
วันที่ 3 : อัครา – เดลี – ศรีนาคา – ทะเลสาบดาล
07.00 น. หลังอาหารเช้า พานั่งรถยนต์กลับกรุงนิวเดลี ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง เชิญหลับต่อได้เลยนะคะ
11.00 น. ถึงสนามบินภายในประเทศ เมืองเดลี Terminal 1D พาไปเช็คอินกับสายการบิน Indigo แล้วไปหามื้อเที่ยงทานกันในสนามบิน (มื้อนี้จ่ายกันเองนะคะ)
12.45 น. ได้เวลาบินไปศรีนาคา ด้วยไฟร้ท 6E 2124 ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 25นาที
14.10 น ถึงสนามบินศรีนาคา รับสัมภาระ กรอกเอกสารเข้าเมือง พาออกมาขึ้นรถยนต์ส่วนบุคคลเดินทางไปยังทะเลสาบดาล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที พาไปชมสวน
โมกุลแห่งเมืองศรีนาคา (Nishat Garden & Shalimar Garden)
:เย็นๆ พานั่งเรือชิคาร่าจากท่าเรือไปยังบ้านเรือ เก็บสัมภาระ แล้วทานมื้อเย็นพร้อมกันที่ห้องอาหารของบ้านเรือ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
วันที่ 4 : ศรีนาคา – พาฮาลแกม – บ้านเรือ
07.00 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารบ้านเรือ
08.00 น. ขึ้นรถยนต์ส่วนตัว เดินทางสู่เมือง Pahalgam หรือหุบเขาแกะ ตั้งอยู่ระดับสูง 2740 ม. เหนือระดับ อยู่ห่างจากเมืองศรีนาคา 90 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
สายๆ ถึง Pahalgam พาท่านขี่ม้าไป ณ จุดชมวิว Baisaran ซึ่งอยู่ในหุบเขาหิมะ ล้อมรอบด้วยทิวสนสลับซับซ้อนสวยงามเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์บอลลีวูดของอินเดียหลายเรื่อง ระหว่างทางท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามรอบข้าง ถ่ายรูปวิวาสวยๆ ที่มีภูเขาหิมะเป็นฉากหลัง มีฝูงแพะและแกะที่ชาวบ้านพามาเลี้ยงให้กินหญ้าอยู่เต็มหุบเขา ได้เวลาอันสมควร ขี่ม้ากลับลงมาด้านล่าง เดินเล่นชิวๆกับวิวสวยๆของหุบเขาที่มีสายน้ำริดเดอร์ที่ไหลมาบรรจบกันที่พาร์ฮัลแกม ช๊อปปิ้งสินค้าเมืองหนาว ให้เลือกซื้อมากมายทั้งเสื้อผ้า เสื้อแคชเมียร์ เป้ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าสตางค์สวยๆ ผ้าพาสมิน่าผลไม้อบแห้งจากเปอร์เซียและของที่ระลึกหลากหลาย ค่าขี่ม้าจ่ายกันเองนะคะ ประมาณ 500-600 บาท ใช้เวลาไป-กลับประมาณ 2 ชม.
เที่ยงๆ ทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารในเมือง Pahalgam
บ่ายๆ พานั่งรถกลับศรีนาคา พานั่งเรือชิคาร่าเข้าบ้านเรือ
เย็นๆ พานั่งเรือชิคาร่า ชมวิวรอบทะเลสาบ มีร้านค้ามากมายอยู่กลางทะเลสาบดาล ขายผ้าพาสมิน่า แจ็คเก็ตกันหนาวสวย กระเป๋รสะพาย และขายของที่ระลักอีกมากมาย ใครต้องการจะแวะร้านไหนก็แจ้งคนพายเรือได้นะคะ
วันที่ 5 : ศรีนาคา-โซนามาร์ค-คาร์กิล
07.00 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่่ห้องอาหารของบ้านเรือ วันนี้เราจะต้องอำลาบ้านเรือกันแล้วนะคะ ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกกัน
08.00 น. นั่งเรือชิคาร่าสู่ท่าเรือ แล้วนั่งรถยนต์ส่วนตัว เดินทางสู่เมืองคาร์กิล ระหว่างทางเราจะแวะที่โซนามาร์ค ให้ท่านได้ขี่ม้าไปชมธารน้ำแข็ง (Glacier) แล้วปล่อยให้ถ่ายรูปกับวิวสวยๆของ Sonamarg กันสักพัก หมายเหตุ : ค่าขี่ม้าจ่ายกันเองนะคะ ราคาแล้วแต่จะต่อรอง ประมาณ 600-700 บาท ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง
Sonamarg เมืองที่ได้ชื่อว่า เป็นประตูสู่ลาดัก (Gateway to Ladakh) ตั้งอยู่ในหุบเขาซิน (Sindh) อยู่ห่างจากเมืองศรีนาคา 80 กม.นั่งรถประมาณ 2 ชม.เศษ เป็นจุดชมวิวที่มีน้ำตกและลำธารที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งบนยอดเขาหิมะ ล้อมรอบด้วยทิวสนสลับซับซ้อนเขียวขจีสวยงาม แต่ในช่วงฤดูหนาว (พย.- มีค.) ที่นี่จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน และเส้นทางรถยนต์จะถูกบล็อกด้วยกองหิมะมหึมา ตัดขาดการสัญจรไป-มา ระหว่างเมืองเลห์กับเมืองศรีนาคา
เที่ยง ทานมื้อเที่ยงที่ภัตตาคารที่โซนามาร์ค
บ่ายๆ นั่งรถไปเมืองคาร์กิล ให้สมาชิกแวะถ่ายรูปกับวิวภูเขาหิมะสวยๆระหว่างทาง
เย็นๆ ถึงเมืองคาร์กิล พาไปเช็คอินที่โรงแรม แล้วออกมาทานมิ้อเย็นพร้อมกันที้ร้านอาหารในเมืองคาร์กิล หลังจากนั้นก็พาสมาชิกเดินชมเมืองกัน
Kargil เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของลาดัก ถือว่าเป็นประตูสู่เลห์ เป็นเมืองที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ สังเกตุได้จากการที่สตรีจะมีผ้าคลุมศีรษะอยู่ทุกคน เราจะผ่านเมือง Dras ซึ่งเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่ามีอากาศหนาวเย็นที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกที่มีประชากรอาศัยอยู่ สัมผัสได้ถึงอากาศที่หนาวเย็นยะเยือก

วันที่ 6 : คาร์กิล – ลามายูรู – วัดอัลชิ – วัดลิกกี้ –  พระราชวังเลห์ – เจดีย์สันติภาพ 
07.00 น. ทานมื้อเช้ากันที่ร้านอาหารในคาร์กิล
07.30 น. อำลาคาร์กิลมุ่งหน้าสู่เมืองเลห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของลาดัก เราจะแวะนมัสการพระศรีอริยะเมตไตรย์ที่ Mulbekh Monastery ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนแกะสลักบนหน้าผาของภูเขาหินมีอายุกว่าพันปี (The statue of Maitreya Buddha) ตั้งอยู่ริมถนนเป็นทางผ่านสู่เมืองเลห์ ให้ท่านได้ลงไปไหว้พระ ถ่ายรูป แล้วเดินทางกันต่อ ผ่าน Fortula top ซึ่งเป็นจุดสูงสุดทางรถเส้นศรีนาคา-เลห์ (สูงจากระดับน้ำทะเล 4118 ม.) จากนั้นรถจะวิ่งผ่านหุบเขา Lamayuru หรือ Moon Land  ซึ่งเป็นหุบเขาที่มีรูปร่างแปลกตา คล้ายพื้นผิวของพระจันทร์ เลยได้รับสมญานามว่าเป็น “ดินแดนแห่งหุบเขาโลกพระจันทร์” จอดรถให้สมาชิกลงไปถ่ายรูปเก๋ๆกับ Moon Land หลังจากนั้นพาไปชมวัดลามายูรูกัน
Lamayuru Monastery เป็นอารามที่ใหญ่ที่สุดในลาดัก สร้างขึ้นใน ศต.11 โดย Mahasiddhacharya Naropa ซึ่งเป็นปราชน์พุทธชาวอินเดีย บ้างก็กล่าวว่าวัดนี้สร้างโดยกษัตริย์แห่งลาดักก่อนแล้วในศตวรรษที่ 10
เที่ยง แวะทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหารที่เมือง Khalsi ซึ่งเป็นร้านอาหารอยู่ในสวนแอ๊ปเปิี้ลและแอ๊ปปริคอร์ต ร้านนี้บรรยกาศดีมาก อาหารก็มีให้เลือกหลากหลาย
13.30 น. ได้เวลาอันสมควรก็ออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทางแวะชมวัดอัลชิ หรือ Alchi Gompa ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อายุเกือบพันปี ตั้งอยู่ในหมู่บ้านอัลชิ เป็นวัดเพียงแห่งเดียวที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนภูเขาเหมือนวัดอื่นในลาดัก จุดเด่นของวัดนี้คือด้านในมีงานศิลปะแกะสลักด้วยไม้และภาพจิตรกรรมฝาผนังโบราณอันทรงคุณค่า วัดสุดท้ายที่จะแวะชมในวันนี้คือ วัด Likir เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 และยังเป็นโรงแรียนสอนลามะน้อยอีกด้วย วัดนี้มีพระพุทธรูปพระศรีอริยะเมตไตรย์สูงถึง 25 เมตร
ประทับนั่งอยู่กลางแจ้ง สามารถมองเห็นเด่นสง่ามาแต่ไกล
15.30 น. เราน่าไปถึงเมืองเลห์ เข้าที่พัก เก็บสัมภาระ ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นกันก่อนหลังจากเดินทางไกลมาทั้งวัน แล้วพาไปเที่ยวในเมืองเลห์กันต่อ

 

16.00 น. พาไปชมพระราชวังเลห์ (Leh Palace) ซึ่งอยู่ตรงกลางเมืองเลห์ แล้วนั่งรถไปชมพระอาทิตย์ตกที่เจดีย์สันติภาพ Shanti Stupa ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเลห์ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นเจดีย์สีขาวขนาดใหญ่โต สร้างอยู่บนเนินเขาสูง สร้างโดยชาวญี่ปุ่นเพื่อเป็นการประกาศพระศาสนาและแสดงถึงสันติภาพของโลก โดยมีองค์ดาไล ลามะเสด็จมาทำพิธีเปิดเมื่อปี 1985 และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงามแห่งเมืองเลห์และสามารถมองเห็นตัวเมืองเลห์จากมุมสูงได้ชัดเจน ในฤดูร้อนพระอาทิตย์ที่เลห์จะตกช้า เกือบสองทุ่ม
19.00 น พาไปทานมื้อเย็นกันที่ร้านอาหารในเมืองเลห์ แล้วพากันกลับที่พักหรือจะช๊อปกันต่อก็ตามอัธยาศัยนะคะ

วันที่ 7 : Leh – Khardung La Pass – Nubra Valley – Sand Dune – Hundar Village
เช้า หลังอาหารเช้า ออกเดินทางสู่ Nubra valley นั่งรถประมาณ 4 ชั่วโมง ก่อนออกจากเมืองเลห์จะแวะซื้อน้ำดื่มและผลไม้ที่ตลาดในเมืองไว้ทานในรถ แวะถ่ายรูปที่ Khardung la Pass ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นจุดสูงสุดของทางหลวงที่รถยนต์ผ่านได้ สูง 5,602 เมตรจากระดับน้ำทะเล
เที่ยง แวะทานมื้อเที่ยงที่หมู่บ้าน North Pulu หลังจากนั้นเดินทางกันต่อ
***ชมวัด Diskit เก่า เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในหุบเขานูบร้า
***ชมพระศรีอาริยะเมตไตรองค์ใหญ่แห่งหุบเขานูบร้าที่ วัดดิสกิตใหม่ (New Diskit)
หลังจากนั้นพาไปเช็คอินที่เกสเฮ้าในหมู่บ้าน Hundar เก็บสัมภาระ แล้วออกมานั่งรับลมเย็นๆ ทานชา กาแฟ ของว่างกันก่อน
Hundar Village ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านธารน้ำไหล เพราะบ้านทุกหลังจะขุดลำธารให้น้ำซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะบนยอดเขาไหลผ่าน ได้ยินเสียงน้ำไหลชัดเจน
17.00 น. นั่งรถประมาณ 20 นาทีไป Sand Dune เป็นทะเลทรายที่ตั้งอยู่ในหุบเขา Nubra เป็นทะเลทรายบนที่สูงในเขตหนาว ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในโลกเช่น ทะเลทรายอะตะกามาในชิลี อุณหภูมิในเวลากลางวันไม่สูงมาก แต่จะหนาวเย็นมากในเวลากลางคืนและมีหิมะตกในฤดูหนาว จะมีชาวบ้านนำอูฐมาบริการให้นักท่องเที่ยวขี่เดินเล่นกัน และถ่ายรูปอัตราค่าขี่อูฐ ประมาณ 300 รูปีต่อคน (120-130 บาท)ใช้เวลา 15 นาที (ค่าขี่อูฐจ่ายกันเองนะคะ)
ได้เวลาพอสมควร พานั่งรถกลับที่พัก อาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่นกัน
19.00 น. ทานมื้อเย็นด้วยกันที่ห้องอาหารของเกสเฮ้าท์ แล้วเชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่ 8 : Hundar – Pangong Lake – Changla Pass – Leh
เช้า หลังอาหารเช้า อำลาหมู่บ้านฮุนดาร์ ออกเดินทางไปยังทะลสาบแปงกอง เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงเศษ เนื่องจากถนนหนทางไม่ค่อยดี บางช่วงขรุขระ เกิดจากการกัดเซาะของหิมะที่ละลายในฤดูร้อน รถจึงวิ่งได้ไม่เร็วนัก แต่วิวระหว่างทางสวยจนต้องหยุดถ่ายรูปเป็นระยะๆ
เที่ยง แวะทานมื้อเที่ยงที่แค้มป์ระหว่างทาง ก่อนถึงทะเลสาบแปงกอง
บ่าย ถึงทะเลสาบแปงกอง (Pangong Lake) ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำกร่อยค่อนไปทางเค็มที่อยู่สูงที่สุดในอินเดีย ให้สมาชิกได้ใช้เวลาถ่ายรูปสวยๆกับทะเลสาบสีเทอร์คอยซ์ที่มีฉากหลังเป็นยอดเขาสีดินแดงที่ฉาบด้วยหิมะสีขาวบนยอด ดูสวยงามแปลกตา
บ่ายแก่ๆ  พากลับเมืองเลห์ แวะถ่ายรูปที่ Changla Pass ซึ่งเป็นพาสทางรถยนต์ที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก สูง 5360 เมตร จากระดับน้ำทะเล
เย็น  : ถึงเมืองเลห์ พาไปทานมื้อเย็นกันในร้านอาหารในย่าน Main Bazaar แล้วปล่อยให้เดินช๊อปปิ้งกันตามอัธยาศัย วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เลห์แล้วนะคะ ใครไม่อยากช๊อปจะเดินกลับที่พักก่อนก็ได้


วันที่ 9 : เลห์-เดลี
07.00 น. ทานมื้อเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม
07.30 น. นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง พาไปชมวัด Hemis เป็นวัดที่เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากของลาดัก หลังจากนั้นส่งท้ายด้วยการไปชมวัด Thiksey เป็นวัดในนิกายหมวกเหลืองที่โดดเด่นสวยงาม มีลักษณะคล้ายๆพระเราชวังโปตาลาในทิเบต
11.30 น. พาไปทานมื้อเที่ยงในร้านอาหารในย่าน Main Bazaar
12.30 น. เช็คเอ้าท์ นั่งรถไปสนามบินเลห์ ประมาณ 20 นาที
เช็คอินกับสายการบิน
Indigo โหลดสัมภาระ แล้วไปรอขึ้นเครื่องที่เกท
14.00 น. ได้เวลาบินไปเดลี  ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 25 นาที
15.25 น. ถึงสนามบินเดลี รับสัมภาระ พาไปเดินเท้าไปยังสนามบินระหว่างประเทศ อินทิรา คานที Terminal 3 อาคารผู้โดยสารขาออก เพื่อเตรียมต่อเครื่องกลับเมืองไทย
ใครหิวก็หามื้อเย็นในสนามบินทานกันเองนะคะ ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน จึงยังไม่สามารถเข้าไปทานในร้านอาหารข้างในได้ แต่มีร้านคอฟฟีช็อบและร้านเบเคอรี่ขายแซนวิช ขนมปัง ชา กาแฟให้ทานรองท้องกันก่อน
21.00 น. เช็คอินกับบินไทยโหลดสัมภาระขึ้นเครื่อง ผ่านตม.จากนั้นพาไปขึ้นเครื่องที่เกท
23.30 น. ได้เวลาบินกลับประเทศไทย ด้วยไฟร้ท TG 316 ใช้เวลาบิน 4 ชม.25 นาที
วันที่ 9 : เช้าตรู่ 05.25 .เดินทางถึงสนามบินสุรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

อัตราค่าทริป เป็นทัวร์จอยกรุ๊ป ค่าทริปขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิก 
สมาชิก 5 คน ค่าทริปคนละ 37600 บาท
สมาชิก 6 คน ค่าทริปคนละ 34600 บาท
สมาชิก 8 คน ค่าทริปคนละ 33200 บาท
สมาชิก 9 คน ค่าทริปคนละ 31300 บาท
สมาชิก 10 คน ค่าทริปคนละ 30300 บาท
สมาชิก 11 คน ค่าทริปคนละ 29200 บาท
สมาชิก 12 คน ค่าทริปคนละ 28600 บาท
หมายเหตุ :
*** รับสมาชิกจำกัดแค่ 12 คนต่อกรุ๊ปเท่านั้น
*** ถ้ามีกรุ๊ปส่วนต้ว 5 คนขึ้นไป สามารถกำหนดวันเดินทางเองได้
*** สมาชิกต่ำกว่า 5 คน ขอยกเลิกการออกทริป
อัตรานี้รวม
* ค่าวีซ่าอินเดีย (ทำวีซ่าออนไลน์)
* ค่าอาหารหลัก 3 มื้อ น้ำดื่ม รวมชา กาแฟ ขนมขบเคี้ยวและผลไม้
* ค่าธรรมเนียมเข้าชมสวนดอกไม้ต่างๆ วัด-พระราชวังโบราณ สุสาน ป้อมปราการต่างๆ
* ค่าน้ำดื่มบรรจุขวด วันละ 1 ขวดลิตร ตลอดการเดินทาง
* ที่พักรวม 7 คืน (ที่อัครา 1 คืน ศรีนาคา 2 คื คาร์กิล 1 คืน ที่เลห์ 2 คืนและที่หมู่บ้านฮุนด้า 1 คืน)
ห้องละ 2-3 คน มีห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่นอาบ
  (ที่พักระดับปานกลาง จะไม่หรูหรา แต่เน้นความสะอาดและปลอดภัยและวิวธรรมชาติ)
* ค่ารถพาเที่ยว ตลอดทั้งโปรแกรม
* ค่าจ้างผู้นำทริปจากเมืองไทย 1 คน
* ค่าประกันภัยการเดินทาง วงเงิน 1 ล้านบาท (เป็นประกันภัยกลุ่ม)
อัตรานี้ไม่รวม
*ค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ (การบินไทย) และตั๋วภายในประเทศ (อินดิโก้ แอร์ไลน์)
 หมายเหตุ : ค่าตั๋ว 4 ไฟร้ท ถ้าสมาชิกจองทริปมาช้า ค่าตั๋วอาจจะปรับสูงขึ้นมากกว่านี้
* ค่าทิป ไกด์ พนักงานขับรถ เด็กยกกระเป๋า พ่อบ้าน
* ค่าขี่ม้า ขี่อูฐ และค่ารถที่พาไปเที่ยวนอกสถานที่นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในโปรแกรมทัวร์
* ค่าน้ำอัดลม ค่าน้ำผลไม้ ไอศรีมและขนมต่างๆที่ท่านสั่งทานเอง
การจองทริป
โอนค่าตั๋วเครื่องบิน ทั้งสี่ไฟร้ท (ไป-กลับ-กรุงเทพ) เดลี และตั๋วภายในประเทศอินเดีย 2 ไฟร้ท (Delhi-Srinagar) และ (Leh-Delhi)
พร้อมค่ามัดจำทัวร์ท่านละ 5000 บาท ที่เหลือชำระวันที่ยื่นวีซ่าออนไลน์ ก่อนเดินทางครึ่งเดือนหมายเหตุ : เราจะเช็คค่าตั๋วก่อนแจ้งให้โอนเงินนะคะ
สอบถามรายละเอียดเพื่มเติม ติดต่อ ศิริพร : 098-2725406, 092-4341166
ไลน์ ไอดี : ssp061962
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวเลขที่ 11/11792
หมายเหตุ : ทริปนี้ค่อนข้างสมบุกสมบัน นั่งรถไกลและนาน เวลาอาจจะคลาดเคลื่อนจากที่กำหนดไว้ บางวันต้องทานมื้อเที่ยงตอนบ่ายสองบ้าง ท่านที่รักความสะดวกสบายและต้องทานอาหารเป็นเวลา กรุณางดร่วมทริป หรือท่านมีปัญหาสุขภาพ กรุณาโทรมาปรึกษาก่อนตัดสินใจ
จองทริปนะคะ
นอกจากนี้เรายังมีทริปเลห์ ลาดัก อัครา 6 วัน 5 คืน (ไม่รวมแคชเมียร์)  ดูตามลิงค์นี้ค่ะ

ทริปเลห์ ลาดัก อัครา อินเดีย รวม 6 วัน ชมหุบเขานูบร้า ทะเลสาบแปงกอง ขี่อูฐในทะเลทราย


0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments