Poon Hill (พูนฮิลล์) เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดติด 1 ใน 10 ของเอเชีย ท่านจะได้สัมผัสกับความสวยงามอลังการของเทือกเขาหิมาลัยที่มียอดเขาสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ชมยอดเขาสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดปี ละลานตากับวิวพาโนรามารอบตัว อากาศเย็นสบาย ระหว่างการเดินเทรคกิ้ง ชมการทำนาขั้นบันไดที่สวยงาม ซึ่งชาวบ้านปลูกข้าวเป็นชั้นๆเหมือนขั้นบันไดหลดหลั่นบนภูเขา นอกจากนี้ท่านจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นทั้งฮินดูและพุทธที่มีวิถีชีวิตอยู่รวมกันแบบผสมกลมกลืนอย่างลงตัว ชมเมืองมรดกโลกอันเก่าแก่ที่สุด ชมพระราชวังโบราณหลายยุคหลายสมัย ชมสถูปดวงตาเห็นธรรมที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเนปาล
กำหนดการเดินทาง : 08 – 15 เมษายน 2566
โปรแกรมทัวร์
วันแรก : กรุงเทพ – กาฐมาณฑุ – ชมเจดีย์โพธินาถ Bhoudanath Stupa – ชมวัดลิง Swayambhunath Temple | |
08.30 น. | พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 ทางเข้าเคาน์เตอร์เช็คอิน H-J ไกด์พาไปเช็คอิน กับสายการบินไทยสมายล์ โหลดสัมภาระ ผ่านพิธีทางตม. |
10.15 น. | บินสู่เนปาลด้วยไฟร้ท WE 319 ใช้เวลาบิน 1 ชม 30 นาที ทานมื้อเที่ยงบนเครื่อง |
12.25 น. | ตามเวลาท้องถิ่นอินเดีย ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 1 ชม.15 นาที ถึงสนามบินตรีภูวัน ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระ นำท่านขึ้นรถตู้ พาไปชม เจดีย์โบดะนาถ (Bhoudanath Stupa) ชมเจดีย์ดวงตาเห็นธรรมที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล องค์สถูปทรงกลมสีขาวมีดวงตาเห็นธรรมสีแดง เหลือง และน้ำเงิน แถวรอบๆเจดีย์เป็นที่ตั้งของชมชนชาวทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล เป็นศูนย์กลางทางศาสนาแบบทิเบตที่เจริญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีบ้านเรือนสีสันสดใสตั้งอยู่รายรอบตัวตัวเจดีย์ มีร้านค้าขายสินค้าต่างๆ และของที่ระลึกอยู่รอบๆเจดีย์ ให้สมาชิกใช้เวลาเดินชมรอบๆสถูป ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง |
15.30 น. | พาขึ้นรถต่อ ไปชม วัดลิง (Swayambhunath temple) ซึ่งเป็นวัดทางพุทธศาสนาแบบทิเบต เป็นวัดที่มีสถูปดวงตาเห็นธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในเนปาล ตัววัดตั้งอยู่บนยอดเขาเล็กๆ สูงระดับ 77 เมตรเหนือน้ำทะเล มองลงมาเห็นวิวของเมืองกาฐมาณฑุ ที่องค์เจดีย์มีคิ้วและดวงตาทั้งสี่ด้าน เป็นเจดีย์ทางพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงและมีอายุเก่าแก่มากกว่า 2000 ปี ตัวสถูปครึ่งวงกลมสีขาว เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุทั้งสี่ (ดิน น้ำ ลม ไฟ) เหนือองค์สถูปมีปล้องไฉนสีเหลืองทองอร่าม 13 ชั้น เป็นสัญลักษณ์แทนระดับธรรม 13 ขั้น ก่อนบรรลุพระนิพพานของพระพุทธเจ้า |
เย็นๆ | พาเข้าที่พักในย่านทาเมล กรุงกาฐมาณฑุ เช็คอิน เก็บสัมภาระ ให้สมาชิกได้ล้างหน้าล้างตากันก่อน แล้วพาไปทานมื้อเย็นที่ภัตตาคารในย่านทาเมล แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน |
วันที่ 2 : กาฐมาณฑุ – บินไปเมืองโพครา – เย็นล่องเรือในทะเลสาบเฟว่า | |
07.00 น. | ทานมื้อเช้าที่โรงแรม หลังจากนั้นนั่งรถตู้เดินทางไปสนามบินภายในประเทศประมาณ 20 นาที |
07.30 น. | เช็คอินกับสายการบิน Yeti Airline |
08.30 น. | ได้เวลาบินไปเมืองโพครา ใช้เวลาบิน 30 นาที |
09.00 น. | ถึงเมืองโพครา รับสัมภาะ แล้วนั่งรถตู้เดินทางไปโรงแรมในเมืองโพครา เช็คอิน เก็บสัมภาระ หลังจากนั้นปล่อยตามอัธยาศัย ใครยังขาดอุปกรณ์เทรคกิ้งก็สามารถออกไปหาซื้อหรือเช่าได้ |
16.30 น. | พาไปถ่ายรูปเล่นริมทะลสาบเฟว่า (Phewa Lake) ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่อยู่กลางเมืองโพครา ในวันที่ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆหมอกจะมองเห็นยอดเขาหางปลาหรือมัจฉาปุชเรจะโผล่มาทักทายนักท่องเที่ยว ให้ได้ตื่นเต้นกับความอลังการของ ยอดเขาหิมะอันศักดิ์สิทธิ์กัน ถ่ายรูปกันให้จุใจ พานั่งเรือไปชมวัดบาลาฮี (Barahi Temple) ซึ่งเป็นวัดฮินดูที่อยู่บนเกาะกลางทะเลสาบเฟว่า |
19.00 น. | ทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารริมทะลสาบ แล้วกลับไปพักผ่อน เตรียมตัวไปเทรคกิ้งพรุ่งนี้ |
วันที่ 3 : Pokhara – Hile (1430 m.) Ulleri (1960 m.) วันนี้้เดินประมาณ สามชั่วโมงเศษ | |
07.00 น. | ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม |
08.00 น. | นั่งรถจี๊ป ออกเดินทางไปหมู่บ้าน Hille ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ รถจี๊ปจะจอดให้สมาชิกลงไปเช็ค ACAP Permit และ TIMS CARD ที่หมู่บ้าน Birethanti แล้วนั่งรถกันต่อ |
11.00 น. | โดยประมาณ รถจี๊ปพาไปส่งที่หมู่บ้าน Hille ส่งสัมภาระให้ลูกหาบแบก แล้วเริ่มเทรคกิ้งกัน เส้นทางแรกๆยังเดินสบายๆ ไม่ชันมาก เดินได้เรื่อยๆ ชิลๆ |
เที่ยงๆ | เราไปแวะทานมื้อเที่่ยงที่หมู่บ้าน Tikhedungha (สูง 1540 เมตร) หลังจากนั้นก็ออกเดินกันต่อ พอผ่านหมู่บ้าน Tikhedungha ไปแล้ว ทางเริ่มชัน และชันขึ้นเรื่อยๆเมื่อเดินขึ้นหมู่บ้าน Ulleri ต้องเดินขึ้นบันไดหินสองพันกว่าขั้น วัดกำลังขากันหน่อย |
บ่ายแก่ๆ | ถึงหมู่บ้าน Ulleri เช็คอินน์ เก็บสัมภาระ แล้วออกมานั่งพักให้หายเหนื่อย จิบชา ทานขนม หลังจากนั้นก็ปล่อยตามอัธยาศัย ใครจะอาบน้ำ ใครจะเดินเล่นถ่ายรูปวิวทิวทัศน์รอบๆหมู่บ้านก็ตามอัธยาศัย |
เย็นๆ | ออกมาทานมื้อเย็นพร้อมกันที่ห้องอาหารของที่พัก หลังจากนั้นก็แยกย้ายไปพักผ่อน หมายเหตุ : สมาชิกควรจะสั่งอาหารไว้ก่อนตั้งแต่ไปถึงที่พัก แล้วแจ้งเวลาที่จะลงไปทาน เนื่องจากที่พัก มีนักเดินเขาไปพักกันหลายกลุ่ม ถ้าไปสั่งแล้วนั่งรออาหารอาจจะใช้เวลานานมาก |
วันที่ 4 : Ulleri – Ghorepani (2874 เมตร) | |
07.00 น. | ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของที่พัก |
08.00 น. | ออกเดินทางกันต่อ วันนี้เราจะใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 4 – 5 ชม. เส้นทางช่วงแรกเราเดินขึ้นภูเขาไม่สูงนัก เดินเรื่อยๆ ผ่านบ้านเรือนบนเขาและร้านค้าที่ทาสีสวยๆสะดุดตา เราจะมองเห็นยอดเขาหางปลา Machhapuchre และยอด Annapurna South จะโผล่มาทักทายให้หายเหนื่อย เส้นทางช่วงหลังจะต้องเดินผ่านลำธารและน้ำตกสายเล็กๆไปเกือบตลอดทาง เดินผ่านดงกุหลาบพันปีที่ขึ้นอยู่ บนเขาและจะออกดอกบานสะพรั่งเต็มภูเขาระหว่างต้นเดือนถึงกลางเดือนเมษายน อากาศเย็นสบายเพราะเดินอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้เกือบตลอดเส้นทาง |
เที่ยง | แวะทานมื้อเที่ยงกันที่หมู่บ้าน Nange Thanti แล้วเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา ทำธุระส่วนตัว แล้วออกเดินทางกันต่อ |
บ่ายๆ | โดยประมาณก็จะถึงหมู่บ้าน Ghorepani เช็คอินน์ เข้าที่พัก เก็บสัมภาระแล้วออกเดินเล่น ชมวิว รอถ่ายรูปชมพระอาทิตย์ตกที่ หน้าโรงแรม จากหมู่บ้านนี้ สามารถมองเห็นยอดเขา Dhaulagiri ชัดเจน ถ่ายภาพเก็บความประทับใจไว้ร่วมกัน หลังจากนั้นรีบสั่งอาหาร เย็นและนัดเวลาทาน แล้วก็เตรียมเข้าคิวอาบน้ำร้อนซึ่งที่นี่ให้อาบน้ำร้อนได้ฟรี มีตู้ไว้ให้หยอดบริจาคช่วยจ่ายค่าแก๊ส ก็ตามอัธยาศัย |
เย็น | ลงมาทานมื้อเย็นพร้อมกัน ที่ห้องอาหารของโรงแรม แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน |
วันที่ 5 : Ghorepani-Poon Hill (3210)-Ulleri- Grandruk (1940 m) เดิน 4-5 ชั่วโมง | |
ตีสี่ | ตื่นเช้ามาทำธุระส่วนตัว ล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนชุดสวยๆหล่อๆ เตรียมตัวออกเดินทางไปขึ้น Poon Hill |
ตีสี่ครึ่ง | ออกจากโรงแรม เดินขึ้นไปยังจุดชมวิว Poon Hill ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ควรไปให้ถึงพูนฮิลล์ เพื่อให้ทันชมพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวก่อนหกโมงเช้า |
06.00 น. | ไปถึง Poon Hill ให้ขึ้นบันไดไปบนหอชมวิว พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นแตะยอดหางปลาหรือ Machhapuchre ตามด้วยยอด Annapurna และ Dhaulagiri และยอดเขาสูงๆ สวยๆอีกมากมาย พากันถ่ายรูปให้จุใจ ที่นี่ท่านสามารถมองเห็นวิวของเทือกเขาหิมาลัยแบบพาโนรามาตัวได้อย่างชัดเจน |
07.00 น. | ได้เวลาเดินลงจาก Poon Hill ขากลับเนื่องจากเดินลงเขา ใช้เวลาประมาณ 50 นาที เส้นทางที่เราเดินลงต้องผ่านดงกุหลาบพันปี ระหว่างเดือนเดือนเมษายนจะมองเห็นหุบเขาเป็นสีแดงอมชมพู ซึ่งเต็มไปด้วยดอกกุหลาบพันปีสีแดงและสีชมพูที่กำลังบานสะพรั่งสดใสสวยงามไปทั้งหุบเขา ถ้าไปเดือนอื่นก็ไม่เห็นนะคะ |
08.00 น. | ถึงที่พัก ทานมี้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม ประมาณ 9.30 น. |
09.30 น. | เช็คเอ้าท์ออกเดินทางกันต่อ วันนี้ออกเดินทางกลับไปทางเดิมที่ผ่านมาเมื่อวัน ไปยังหมู่บ้าน Ulleri ใช้เวลาเดินประมาณ 2.5 – 3 ชั่วโมง |
เที่ยง | ถึงหมู่บ้าน Ulleri ทานมื้อเที่ยงที่โรงแรม Super View Point ที่เราเคยพักเมื่อวาน |
บ่ายๆ | เดินทางต่ออีกครึ่งชั่วโมงไปยังคิวรถจี๊ป นั่งรถไปยังหมู่บ้าน Kimche ประมาณ 2 ชั่วโมง พอถึง Kimche ก็ส่งสัมภาระให้ลูกหาบ แล้วเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 45-50 นาทียังหมู่บ้าน Grandruk ไปถึงก็เข้าห้องเก็บสัมภาระ แล้วปล่อยอิสระ |
เย็นๆ | ออกมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่หน้าโรงแรม Grandruk เป็นหมู่บ้านที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาหิมาลัย ที่สามารถมองเห็นยอดเขาหิมะสวยๆได้อย่างใกล้ชิด เช่น ยอดเขา Annapurna South ยอด Hiunchuli และยอดเขาหางปลา Machhapuchhre จนรู้สึกว่าได้เข้าใกล้ยอดเขามากขึ้น แค่โผล่หน้าจากห้องนอนมาก็จะมองเห็นยอดเขาต่างๆรอทักทายท่านอยู่แล้ว ตื่นตะลึงกับสวยงามอลังการของยอดเขาหิมะ ที่อาบแสงอาทิตย์เป็นสีส้ม ตอนพระอาทิตย์กำลังจะตก ต้องรีบคว้ากล้องถ่ายรูปมารอเก็บภาพประทับใจไว้ |
ค่ำๆ | ลงมาทานมื้อเย็นด้วยกันที่ห้องอาหารของโรงแรม แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน |
วันที่ 6 : Ghandruk – แล้วนั่งรถจี๊ปกลับโพครา (เดินประมาณครึ่งชั่วโมง) | |
06.00 น. | ตื่นเช้ามาเตรียมตั้งกล้องไว้ถ่ายพระอาทิตย์ ที่กำลังโผล่ขึ้นมาทักทายเหนือยอดเขาหิมะสวยๆ แล้วเตรียมตัวลงไปทานมื้อเช้าด้วยกันที่ห้องอาหารของโรงแรม |
07.00 น. | ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม |
08.00 น. | ออกเดินไปขึ้นรถจี๊ปที่คิวรถที่หมู่บ้าน Kimche เดินชิลๆแค่ครึ่งชั่วโมง แล้วนั่งรถจี๊ปไปเมืองโพคราประมาณ 3 ชั่วโมง |
เที่ยงๆ | ถึงเมืองโพครา พาเช็คอิน เก็บสัมภาระ แล้วออกไปทานมื้อเที่ยงกัน หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ช้อปปิ้ง ละลายทรัพย์กันตามอัธยาศัย |
เย็นๆ | พาไปทานมื้อเย็นที่ภัตตาคารริมทะลสาบเฟว่า แล้วแยกย้ายกันกลับหรือใครจะเดินช้อปปิ้งต่อ ก็ตามสบายค่ะ |
วันที่ 7 : Pokhara – Kathmandu | |
07.00 น. | ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่โรงแรม |
08.00 น. | นั่งรถไปสนามบินโพครา เช็คอิน โหลดสัมภาระ รอขึ้นเครื่องบินกลับกาฐมาณฑุ |
09.00 น. | ได้เวลาบินกลับกาฐมาณฑุ ใช้เวลาบินประมาณ 30 นาที |
09.30 น. | ถึงกรุงกาฐมาณฑุ นั่งรถกลับโรงแรมในทาเมล |
เที่ยง | ทานมื้อเที่ยงกันในย่านทาเมล หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ออกไปช๊อปปิ้งซื้อของฝากกันตามอัธยาศัย วันนี้เราจะพักที่เนปาลเป็นคืนสุดท้าย ถ้าใครต้องการออกไปชมเมืองโบราณ เช่น Bhaktapur, Patan กรุณาแจ้งล่วงหน้า จะติดต่อรถเช่าไว้ให้ |
เย็น | พาไปทานมื้อเย็นในย่านทาเมล แล้วพากันกลับที่พัก หรือใครอยากจะช๊อปปิ้งต่อก็เชิญนะคะ |
วันที่ 8 : กาฐมาณฑุ -กรุงเทพมหานคร | |
07.30 น. | ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นปล่อยอิสระ ใครยังได้ของฝาก ของที่ระลึกยังไม่ครบก็สามารถออกไปเลือกซื้อได้ |
08.00 น. | พาเดินเท้าจากย่านทาเมล (ประมาณ 15 นาที) ไปชมพระราชวังกาฐมาณฑุ (Kathmandu Durbar Square) จตุรัสแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ ในปีพศ.2522 ชมวัดกุมารี (Temple of Kumari) เป็นอาคารเก่าแก่สูง 3 ชั้น มีบานหน้าต่างโดยรอบ หน้าต่างแต่ละบานแกะสลักเรื่องราวในศาสนาฮินดูตามความเชื่อของชาวเนปาลเกี่ยวกับองค์กุมารีมาเป็น เวลายาวนานกว่า 2600 ปี |
10.00 น. | พากลับที่พัก เก็บสัมภาระ เช็คเอ้าท์ |
10.30 น. | นั่งรถจากโรงแรม ไปสนามบินตรีภูวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที |
11.00 น. | ถึงสนามบินตรีภูวัน เช็คอินกับสายการบินไทย โหลดสัมภาระ เข้าแถวยาวๆ ผ่านพิธีทางศุลกากร แล้วไปรอขึ้นเครื่อง |
13.40 น. | ได้เวลาเหินฟ้าโบกมืออำลาเนปาล ด้วยไฟร้ท TG 320 บินสู่ประเทศไทยใช้เวลาประมาณ 3 ชั้วโมงเศษ มีอาหารให้ทานบนเครื่อง |
18.25 น. | ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน |
รับสมาชิก : 6-10 คน (สมาชิกไม่ถึง 6 คน ขอยกเลิกการเดินทางค่ะ) |
อัตราค่าทริปขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิก (เราจัดเป็นกรุ๊ปเล็กๆ เน้นสะดวกและดูแลง่าย) หมายเหตุ : ถ้ามีกรุ๊ปส่วนตัว กี่คนก็ได้สามารถกำหนดวันเดินทางได้เองค่ะ ทั้งแบบที่มีหัวหน้าทัวร์จากเมืองไทย และแบบไม่ต้องการหัวหน้าทัวร์ไทย เรามีทีมงานที่มีประสบการณ์สูงที่เนปาลไว้คอยดูแลและให้บริการค่ะ โทรมาถามเรื่องราคากันก่อนได้ค่ะ |
อัตรานี้รวม |
ค่าตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ (one way) โพครา-กาฐมาณฑุ |
ค่ารถรับส่ง (Hiace Van) จากกาฐมาณฑุ-โพครา (one way) |
ค่ารถ Hiace Van รับ-ส่งและนำเที่ยวตามโปรแกรมวันแรก |
ค่ารถจี๊ปส่วนตัวไป-กลับ จากโพคราไปส่งที่หมู่บ้าน Grandruk ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเทรคกิ้ง |
ค่าเรือ (เหมาลำ) ไปชมวัด Barahi ที่อยู่กลางเกาะในทะเลสาบเฟว่า (1 ชม.) |
ค่าห้องพัก รร.ในทาเมล ( 2 คืน) ห้องละ 2 คน รวมอาหารเช้า |
ค่าห้องพัก รร.ในโพครา (2 คืน) ห้องละ 2 คน รวมอาหารเช้า |
ค่าห้องพักระหว่างเทรคกิ้งบนเขา 3 คืน |
ACAP & TIMS permit (ใบอนุญาตสำหรับเดินเขา) |
ค่าจ้างไกด์เดินเขาชาวเนปาล จากกาฐมาณฑุ 1 คน |
ค่าจ่างไกด์จากเมืองไทย 1 คน (รวมค่าใช้จ่ายส่วนตัวไกด์แล้ว) |
ค่าจ้างลูกหาบแบกสัมภาระระหว่างเดินเขา (ลูกหาบ 1 คน ต่อลูกทัวร์ 2 คน) |
ค่าเบี้ยประกันภัยการเดินทาง วงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท |
ค่าทำวีซ่าท่องเที่ยวเนปาล |
อัตรานี้ไม่รวม |
ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ (การบินไทย) ไป-กลับกรุงเทพ-กาฐมาณฑุ (ประมาณ 18xxx บาท) |
ค่าอาหารและน้ำดื่ม ระหว่างการเทรคกิ้งบนเขา 4 วัน |
ค่าอาหารมื้อเที่ยงและเย็นที่กาฐมาณฑุและที่โพครา |
ค่าบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ เช่น เจดีย์ วัด พระราชวังโบราณ |
ค่าอาบน้ำร้อนตามโรงแรมบนเขา บางที่อาจจะคิดเงิน |
ค่าชาร์ตแบตเตอรี่มือถือและกล้องถ่ายรูปตามโรงแรมบนเขา |
ค่าทิปคนขับรถ ลูกหาบ และไกด์ |
หมายเหตุ : พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มคนละ 2000 บาท เช็คค่าตั๋วไทยการบินไทย วันที่ 3 กค.65 =18550 บาท |
การจองทริป : ***งวดแรก : โอนเงินค่าตั่ว การบินไทย 18xxx บาท (เราจะเช็คค่าตั๋ว การบินไทยให้ก่อนจองทริปค่ะ จะแจ้งให้โอนเมื่อได้รับการยืนยันว่ามีสมาชิกขั้นต่ำ 8 คนแล้ว ***งวดที่ 2 : จะเก็บเต็มจำนวนก่อนวันเดินทางครึ่งเดือน ตอนที่รับเอกสารไปทำวีซ่าเนปาลค่ะ |
ต้องการจองทริปหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ : ศิริพร : 092-4341166, 098-2725406 Line ID : sk_pond135 |