Poon Hill (พูนฮิลล์) เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดติด 1 ใน 10 ของเอเชีย ท่านจะได้สัมผัสกับความสวยงามอลังการของเทือกเขาหิมาลัยที่มียอดเขาสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก  ชมยอดเขาสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดปี ละลานตากับวิวพาโนรามารอบตัว อากาศเย็นสบาย ระหว่างการเดินเทรคกิ้ง ชมการทำนาขั้นบันไดที่สวยงาม ซึ่งชาวบ้านปลูกข้าวเป็นชั้นๆเหมือนขั้นบันไดหลดหลั่นบนภูเขา นอกจากนี้ท่านจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นทั้งฮินดูและพุทธที่มีวิถีชีวิตอยู่รวมกันแบบผสมกลมกลืนอย่างลงตัว ชมเมืองมรดกโลกอันเก่าแก่ที่สุด ชมพระราชวังโบราณหลายยุคหลายสมัย ชมสถูปดวงตาเห็นธรรมที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเนปาล

กำหนดการเดินทาง  :  08 – 15 เมษายน 2566

โปรแกรมทัวร์  

วันแรก : กรุงเทพ – กาฐมาณฑุ – ชมเจดีย์โพธินาถ  Bhoudanath Stupa – ชมวัดลิง Swayambhunath Temple
08.30 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 ทางเข้าเคาน์เตอร์เช็คอิน H-J ไกด์พาไปเช็คอิน กับสายการบินไทยสมายล์ โหลดสัมภาระ ผ่านพิธีทางตม.
10.15 น. บินสู่เนปาลด้วยไฟร้ท WE 319 ใช้เวลาบิน 1 ชม 30 นาที ทานมื้อเที่ยงบนเครื่อง
12.25 น. ตามเวลาท้องถิ่นอินเดีย ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 1 ชม.15 นาที ถึงสนามบินตรีภูวัน
ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง  รับสัมภาระ นำท่านขึ้นรถตู้ พาไปชม เจดีย์โบดะนาถ (Bhoudanath Stupa) ชมเจดีย์ดวงตาเห็นธรรมที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล องค์สถูปทรงกลมสีขาวมีดวงตาเห็นธรรมสีแดง เหลือง และน้ำเงิน แถวรอบๆเจดีย์เป็นที่ตั้งของชมชนชาวทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล เป็นศูนย์กลางทางศาสนาแบบทิเบตที่เจริญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีบ้านเรือนสีสันสดใสตั้งอยู่รายรอบตัวตัวเจดีย์ มีร้านค้าขายสินค้าต่างๆ และของที่ระลึกอยู่รอบๆเจดีย์ ให้สมาชิกใช้เวลาเดินชมรอบๆสถูป ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
15.30 น. พาขึ้นรถต่อ ไปชม วัดลิง (Swayambhunath temple) ซึ่งเป็นวัดทางพุทธศาสนาแบบทิเบต เป็นวัดที่มีสถูปดวงตาเห็นธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในเนปาล ตัววัดตั้งอยู่บนยอดเขาเล็กๆ สูงระดับ 77 เมตรเหนือน้ำทะเล มองลงมาเห็นวิวของเมืองกาฐมาณฑุ ที่องค์เจดีย์มีคิ้วและดวงตาทั้งสี่ด้าน เป็นเจดีย์ทางพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงและมีอายุเก่าแก่มากกว่า 2000 ปี ตัวสถูปครึ่งวงกลมสีขาว เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุทั้งสี่ (ดิน น้ำ ลม ไฟ) เหนือองค์สถูปมีปล้องไฉนสีเหลืองทองอร่าม 13 ชั้น เป็นสัญลักษณ์แทนระดับธรรม 13 ขั้น ก่อนบรรลุพระนิพพานของพระพุทธเจ้า
เย็นๆ พาเข้าที่พักในย่านทาเมล กรุงกาฐมาณฑุ เช็คอิน เก็บสัมภาระ ให้สมาชิกได้ล้างหน้าล้างตากันก่อน แล้วพาไปทานมื้อเย็นที่ภัตตาคารในย่านทาเมล แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน

วันที่ 2 :  กาฐมาณฑุ – บินไปเมืองโพครา – เย็นล่องเรือในทะเลสาบเฟว่า
07.00 น. ทานมื้อเช้าที่โรงแรม หลังจากนั้นนั่งรถตู้เดินทางไปสนามบินภายในประเทศประมาณ 20 นาที
07.30 น. เช็คอินกับสายการบิน Yeti Airline
08.30 น. ได้เวลาบินไปเมืองโพครา ใช้เวลาบิน 30 นาที
09.00 น. ถึงเมืองโพครา รับสัมภาะ แล้วนั่งรถตู้เดินทางไปโรงแรมในเมืองโพครา เช็คอิน เก็บสัมภาระ หลังจากนั้นปล่อยตามอัธยาศัย ใครยังขาดอุปกรณ์เทรคกิ้งก็สามารถออกไปหาซื้อหรือเช่าได้
16.30 น. พาไปถ่ายรูปเล่นริมทะลสาบเฟว่า (Phewa Lake) ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่อยู่กลางเมืองโพครา ในวันที่ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆหมอกจะมองเห็นยอดเขาหางปลาหรือมัจฉาปุชเรจะโผล่มาทักทายนักท่องเที่ยว ให้ได้ตื่นเต้นกับความอลังการของ ยอดเขาหิมะอันศักดิ์สิทธิ์กัน ถ่ายรูปกันให้จุใจ พานั่งเรือไปชมวัดบาลาฮี (Barahi Temple) ซึ่งเป็นวัดฮินดูที่อยู่บนเกาะกลางทะเลสาบเฟว่า
19.00 น. ทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารริมทะลสาบ แล้วกลับไปพักผ่อน เตรียมตัวไปเทรคกิ้งพรุ่งนี้

วันที่ 3 : Pokhara – Hile (1430 m.) Ulleri (1960 m.) วันนี้้เดินประมาณ สามชั่วโมงเศษ
07.00 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม
08.00 น. นั่งรถจี๊ป ออกเดินทางไปหมู่บ้าน Hille ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ รถจี๊ปจะจอดให้สมาชิกลงไปเช็ค ACAP Permit และ TIMS CARD ที่หมู่บ้าน Birethanti แล้วนั่งรถกันต่อ
11.00 น. โดยประมาณ รถจี๊ปพาไปส่งที่หมู่บ้าน Hille ส่งสัมภาระให้ลูกหาบแบก แล้วเริ่มเทรคกิ้งกัน เส้นทางแรกๆยังเดินสบายๆ ไม่ชันมาก เดินได้เรื่อยๆ ชิลๆ
เที่ยงๆ เราไปแวะทานมื้อเที่่ยงที่หมู่บ้าน Tikhedungha (สูง 1540 เมตร) หลังจากนั้นก็ออกเดินกันต่อ พอผ่านหมู่บ้าน Tikhedungha ไปแล้ว ทางเริ่มชัน และชันขึ้นเรื่อยๆเมื่อเดินขึ้นหมู่บ้าน Ulleri ต้องเดินขึ้นบันไดหินสองพันกว่าขั้น วัดกำลังขากันหน่อย
บ่ายแก่ๆ ถึงหมู่บ้าน Ulleri เช็คอินน์ เก็บสัมภาระ แล้วออกมานั่งพักให้หายเหนื่อย จิบชา ทานขนม หลังจากนั้นก็ปล่อยตามอัธยาศัย ใครจะอาบน้ำ ใครจะเดินเล่นถ่ายรูปวิวทิวทัศน์รอบๆหมู่บ้านก็ตามอัธยาศัย
เย็นๆ ออกมาทานมื้อเย็นพร้อมกันที่ห้องอาหารของที่พัก หลังจากนั้นก็แยกย้ายไปพักผ่อน หมายเหตุ : สมาชิกควรจะสั่งอาหารไว้ก่อนตั้งแต่ไปถึงที่พัก แล้วแจ้งเวลาที่จะลงไปทาน เนื่องจากที่พัก มีนักเดินเขาไปพักกันหลายกลุ่ม ถ้าไปสั่งแล้วนั่งรออาหารอาจจะใช้เวลานานมาก

วันที่ 4 :  Ulleri – Ghorepani (2874 เมตร)
07.00 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของที่พัก
08.00 น. ออกเดินทางกันต่อ วันนี้เราจะใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 4 – 5 ชม. เส้นทางช่วงแรกเราเดินขึ้นภูเขาไม่สูงนัก เดินเรื่อยๆ ผ่านบ้านเรือนบนเขาและร้านค้าที่ทาสีสวยๆสะดุดตา เราจะมองเห็นยอดเขาหางปลา Machhapuchre และยอด Annapurna South จะโผล่มาทักทายให้หายเหนื่อย เส้นทางช่วงหลังจะต้องเดินผ่านลำธารและน้ำตกสายเล็กๆไปเกือบตลอดทาง เดินผ่านดงกุหลาบพันปีที่ขึ้นอยู่ บนเขาและจะออกดอกบานสะพรั่งเต็มภูเขาระหว่างต้นเดือนถึงกลางเดือนเมษายน อากาศเย็นสบายเพราะเดินอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้เกือบตลอดเส้นทาง
เที่ยง แวะทานมื้อเที่ยงกันที่หมู่บ้าน Nange Thanti แล้วเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา ทำธุระส่วนตัว แล้วออกเดินทางกันต่อ
บ่ายๆ โดยประมาณก็จะถึงหมู่บ้าน Ghorepani เช็คอินน์ เข้าที่พัก เก็บสัมภาระแล้วออกเดินเล่น ชมวิว รอถ่ายรูปชมพระอาทิตย์ตกที่ หน้าโรงแรม จากหมู่บ้านนี้ สามารถมองเห็นยอดเขา Dhaulagiri ชัดเจน ถ่ายภาพเก็บความประทับใจไว้ร่วมกัน หลังจากนั้นรีบสั่งอาหาร เย็นและนัดเวลาทาน แล้วก็เตรียมเข้าคิวอาบน้ำร้อนซึ่งที่นี่ให้อาบน้ำร้อนได้ฟรี มีตู้ไว้ให้หยอดบริจาคช่วยจ่ายค่าแก๊ส ก็ตามอัธยาศัย
เย็น ลงมาทานมื้อเย็นพร้อมกัน ที่ห้องอาหารของโรงแรม แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน

วันที่ 5 : Ghorepani-Poon Hill (3210)-Ulleri- Grandruk (1940 m) เดิน 4-5 ชั่วโมง
ตีสี่ ตื่นเช้ามาทำธุระส่วนตัว ล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนชุดสวยๆหล่อๆ เตรียมตัวออกเดินทางไปขึ้น Poon Hill
ตีสี่ครึ่ง ออกจากโรงแรม เดินขึ้นไปยังจุดชมวิว Poon Hill ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ควรไปให้ถึงพูนฮิลล์ เพื่อให้ทันชมพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวก่อนหกโมงเช้า
06.00 น. ไปถึง Poon Hill ให้ขึ้นบันไดไปบนหอชมวิว พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นแตะยอดหางปลาหรือ Machhapuchre ตามด้วยยอด Annapurna และ Dhaulagiri และยอดเขาสูงๆ สวยๆอีกมากมาย พากันถ่ายรูปให้จุใจ ที่นี่ท่านสามารถมองเห็นวิวของเทือกเขาหิมาลัยแบบพาโนรามาตัวได้อย่างชัดเจน
07.00 น. ได้เวลาเดินลงจาก Poon Hill ขากลับเนื่องจากเดินลงเขา ใช้เวลาประมาณ 50 นาที เส้นทางที่เราเดินลงต้องผ่านดงกุหลาบพันปี ระหว่างเดือนเดือนเมษายนจะมองเห็นหุบเขาเป็นสีแดงอมชมพู ซึ่งเต็มไปด้วยดอกกุหลาบพันปีสีแดงและสีชมพูที่กำลังบานสะพรั่งสดใสสวยงามไปทั้งหุบเขา ถ้าไปเดือนอื่นก็ไม่เห็นนะคะ
08.00 น. ถึงที่พัก ทานมี้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม ประมาณ 9.30 น.
09.30 น. เช็คเอ้าท์ออกเดินทางกันต่อ วันนี้ออกเดินทางกลับไปทางเดิมที่ผ่านมาเมื่อวัน ไปยังหมู่บ้าน Ulleri ใช้เวลาเดินประมาณ 2.5 – 3 ชั่วโมง
เที่ยง ถึงหมู่บ้าน Ulleri ทานมื้อเที่ยงที่โรงแรม Super View Point ที่เราเคยพักเมื่อวาน
บ่ายๆ เดินทางต่ออีกครึ่งชั่วโมงไปยังคิวรถจี๊ป นั่งรถไปยังหมู่บ้าน Kimche ประมาณ 2 ชั่วโมง พอถึง Kimche ก็ส่งสัมภาระให้ลูกหาบ แล้วเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 45-50 นาทียังหมู่บ้าน Grandruk ไปถึงก็เข้าห้องเก็บสัมภาระ แล้วปล่อยอิสระ
เย็นๆ ออกมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่หน้าโรงแรม Grandruk เป็นหมู่บ้านที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาหิมาลัย ที่สามารถมองเห็นยอดเขาหิมะสวยๆได้อย่างใกล้ชิด เช่น ยอดเขา Annapurna South ยอด Hiunchuli และยอดเขาหางปลา Machhapuchhre จนรู้สึกว่าได้เข้าใกล้ยอดเขามากขึ้น แค่โผล่หน้าจากห้องนอนมาก็จะมองเห็นยอดเขาต่างๆรอทักทายท่านอยู่แล้ว ตื่นตะลึงกับสวยงามอลังการของยอดเขาหิมะ ที่อาบแสงอาทิตย์เป็นสีส้ม ตอนพระอาทิตย์กำลังจะตก ต้องรีบคว้ากล้องถ่ายรูปมารอเก็บภาพประทับใจไว้
ค่ำๆ ลงมาทานมื้อเย็นด้วยกันที่ห้องอาหารของโรงแรม แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน

 

วันที่ 6 : Ghandruk – แล้วนั่งรถจี๊ปกลับโพครา  (เดินประมาณครึ่งชั่วโมง)
06.00 น. ตื่นเช้ามาเตรียมตั้งกล้องไว้ถ่ายพระอาทิตย์ ที่กำลังโผล่ขึ้นมาทักทายเหนือยอดเขาหิมะสวยๆ แล้วเตรียมตัวลงไปทานมื้อเช้าด้วยกันที่ห้องอาหารของโรงแรม
07.00 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม
08.00 น. ออกเดินไปขึ้นรถจี๊ปที่คิวรถที่หมู่บ้าน Kimche เดินชิลๆแค่ครึ่งชั่วโมง แล้วนั่งรถจี๊ปไปเมืองโพคราประมาณ 3 ชั่วโมง
เที่ยงๆ ถึงเมืองโพครา พาเช็คอิน เก็บสัมภาระ แล้วออกไปทานมื้อเที่ยงกัน หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ช้อปปิ้ง ละลายทรัพย์กันตามอัธยาศัย
เย็นๆ พาไปทานมื้อเย็นที่ภัตตาคารริมทะลสาบเฟว่า แล้วแยกย้ายกันกลับหรือใครจะเดินช้อปปิ้งต่อ ก็ตามสบายค่ะ

วันที่ 7 : Pokhara – Kathmandu
07.00 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่โรงแรม
08.00 น. นั่งรถไปสนามบินโพครา เช็คอิน โหลดสัมภาระ รอขึ้นเครื่องบินกลับกาฐมาณฑุ
09.00 น. ได้เวลาบินกลับกาฐมาณฑุ ใช้เวลาบินประมาณ 30 นาที
09.30 น. ถึงกรุงกาฐมาณฑุ นั่งรถกลับโรงแรมในทาเมล
เที่ยง ทานมื้อเที่ยงกันในย่านทาเมล หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ออกไปช๊อปปิ้งซื้อของฝากกันตามอัธยาศัย วันนี้เราจะพักที่เนปาลเป็นคืนสุดท้าย ถ้าใครต้องการออกไปชมเมืองโบราณ เช่น Bhaktapur, Patan กรุณาแจ้งล่วงหน้า จะติดต่อรถเช่าไว้ให้
เย็น พาไปทานมื้อเย็นในย่านทาเมล แล้วพากันกลับที่พัก หรือใครอยากจะช๊อปปิ้งต่อก็เชิญนะคะ

 

วันที่ 8 : กาฐมาณฑุ -กรุงเทพมหานคร
07.30 น. ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากนั้นปล่อยอิสระ ใครยังได้ของฝาก ของที่ระลึกยังไม่ครบก็สามารถออกไปเลือกซื้อได้
08.00 น. พาเดินเท้าจากย่านทาเมล (ประมาณ 15 นาที) ไปชมพระราชวังกาฐมาณฑุ  (Kathmandu Durbar Square) จตุรัสแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ ในปีพศ.2522 ชมวัดกุมารี (Temple of Kumari) เป็นอาคารเก่าแก่สูง 3 ชั้น มีบานหน้าต่างโดยรอบ หน้าต่างแต่ละบานแกะสลักเรื่องราวในศาสนาฮินดูตามความเชื่อของชาวเนปาลเกี่ยวกับองค์กุมารีมาเป็น เวลายาวนานกว่า 2600 ปี
10.00 น. พากลับที่พัก เก็บสัมภาระ เช็คเอ้าท์
10.30 น. นั่งรถจากโรงแรม ไปสนามบินตรีภูวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
11.00 น. ถึงสนามบินตรีภูวัน เช็คอินกับสายการบินไทย โหลดสัมภาระ เข้าแถวยาวๆ ผ่านพิธีทางศุลกากร แล้วไปรอขึ้นเครื่อง
13.40 น. ได้เวลาเหินฟ้าโบกมืออำลาเนปาล ด้วยไฟร้ท TG 320 บินสู่ประเทศไทยใช้เวลาประมาณ 3 ชั้วโมงเศษ มีอาหารให้ทานบนเครื่อง
18.25 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน
รับสมาชิก : 6-10 คน (สมาชิกไม่ถึง 6 คน ขอยกเลิกการเดินทางค่ะ)
อัตราค่าทริปขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิก
(เราจัดเป็นกรุ๊ปเล็กๆ เน้นสะดวกและดูแลง่าย)

หมายเหตุ : ถ้ามีกรุ๊ปส่วนตัว กี่คนก็ได้สามารถกำหนดวันเดินทางได้เองค่ะ ทั้งแบบที่มีหัวหน้าทัวร์จากเมืองไทย และแบบไม่ต้องการหัวหน้าทัวร์ไทย เรามีทีมงานที่มีประสบการณ์สูงที่เนปาลไว้คอยดูแลและให้บริการค่ะ โทรมาถามเรื่องราคากันก่อนได้ค่ะ
อัตรานี้รวม
ค่าตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ (one way) โพครา-กาฐมาณฑุ
ค่ารถรับส่ง (Hiace Van) จากกาฐมาณฑุ-โพครา (one way)
ค่ารถ Hiace Van รับ-ส่งและนำเที่ยวตามโปรแกรมวันแรก
ค่ารถจี๊ปส่วนตัวไป-กลับ จากโพคราไปส่งที่หมู่บ้าน Grandruk ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเทรคกิ้ง 
ค่าเรือ (เหมาลำ) ไปชมวัด Barahi ที่อยู่กลางเกาะในทะเลสาบเฟว่า (1 ชม.)
ค่าห้องพัก รร.ในทาเมล ( 2 คืน) ห้องละ 2 คน รวมอาหารเช้า
ค่าห้องพัก รร.ในโพครา (2 คืน) ห้องละ 2 คน รวมอาหารเช้า
ค่าห้องพักระหว่างเทรคกิ้งบนเขา 3 คืน 
ACAP & TIMS permit (ใบอนุญาตสำหรับเดินเขา)
ค่าจ้างไกด์เดินเขาชาวเนปาล จากกาฐมาณฑุ 1 คน
ค่าจ่างไกด์จากเมืองไทย 1 คน (รวมค่าใช้จ่ายส่วนตัวไกด์แล้ว)
ค่าจ้างลูกหาบแบกสัมภาระระหว่างเดินเขา (ลูกหาบ 1 คน ต่อลูกทัวร์ 2 คน)
ค่าเบี้ยประกันภัยการเดินทาง วงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท
ค่าทำวีซ่าท่องเที่ยวเนปาล
อัตรานี้ไม่รวม
ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ (การบินไทย) ไป-กลับกรุงเทพ-กาฐมาณฑุ (ประมาณ 18xxx บาท)
ค่าอาหารและน้ำดื่ม ระหว่างการเทรคกิ้งบนเขา 4 วัน
ค่าอาหารมื้อเที่ยงและเย็นที่กาฐมาณฑุและที่โพครา
ค่าบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ เช่น เจดีย์ วัด พระราชวังโบราณ 
ค่าอาบน้ำร้อนตามโรงแรมบนเขา บางที่อาจจะคิดเงิน 
ค่าชาร์ตแบตเตอรี่มือถือและกล้องถ่ายรูปตามโรงแรมบนเขา
ค่าทิปคนขับรถ ลูกหาบ และไกด์
หมายเหตุ  :  พักเดี่ยว จ่ายเพิ่มคนละ 2000 บาท
เช็คค่าตั๋วไทยการบินไทย  วันที่ 3 กค.65 =18550 บาท

การจองทริป :
***งวดแรก : โอนเงินค่าตั่ว การบินไทย 18xxx บาท (เราจะเช็คค่าตั๋ว การบินไทยให้ก่อนจองทริปค่ะ จะแจ้งให้โอนเมื่อได้รับการยืนยันว่ามีสมาชิกขั้นต่ำ 8 คนแล้ว
***งวดที่ 2 : จะเก็บเต็มจำนวนก่อนวันเดินทางครึ่งเดือน ตอนที่รับเอกสารไปทำวีซ่าเนปาลค่ะ         
ต้องการจองทริปหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม
กรุณาติดต่อ : ศิริพร : 092-4341166, 098-2725406  Line ID :  sk_pond135

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments