EASY ON TOUR by Siriporn
ทัวร์แคชเมียร์ ศรีนาคา เลห์ ลาดัก รวม 8 วัน 7 คืน
ทริปนี้เราเคยจัดมา 15 ครั้งแล้ว เราขอใช้ประสบการณ์ที่มีเสนอตัวรับใช้เพื่อนๆ นักเดินทางที่ชอบการท่องเที่ยวแบบสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามแปลกตาอย่างใกล้ชิดต่อไปนะคะ ชวนไปสัมผัสสวรรค์บนดิน ณ ดินแดนแคชเมียร์ และชวนไปท่องดินแดนหิมาลัยสูงสุดขอบฟ้าอันไกลโพ้น น่าค้นหา สัมผัสกับวัฒนธรรมเก่าแก่ ผู้คนยึดมั่นในพุทธศาสนา เชิญมาร่วมเดินทางไปค้นหาขอบฟ้าหิมาลัยกับเราสิคะ
โปรแกรมทัวร์ ปี 2568 กำลังเปิดรับค่ะ
8 – 15 ตค.68 (วันคลายวันสวรรคตในหลวง ร.9) เริ่มต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อากาศเริ่มกลับมาหนาวเย็น มีหิมะตกตามพาสต่างๆ
หมายเหตุ : กรุณาจองทริปมาล่วงหน้า อย่างน้อย 3 เดือนนะคะ เพราะถ้าจองเข้ามาช้าตั๋วเครื่องบินจะปรับราคาแพงสูงขึ้นมาก
โปรแกรมการเดินทาง
วันแรก : กรุงเทพ – เดลี |
|
21.00 น. |
พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบินไทย แล้วพาไปเช็คอิน โหลดสัมภาระ ผ่านพิธีทางตม. ไปรอขึ้นเครื่อง |
23.15 น. |
บินไปนิวเดลีโดย เที่ยวบินที่ TG331 (ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมงครึ่ง) นอนหลับพักผ่อนตามอัธยาศัย |
วันที่ 2 : เดลี – ศรีนาคา – ชมสวนดอกไม้โมกุล – พักบ้านเรือกลางทะเลสาบ | |
02.15 น. | ตามเวลาท้องถิ่นอินเดีย ซึ่งช้ากว่าเมืองไทย 1 ชม. 30 นาที เดินทางถึงสนามบิน อินธิรา คานธี พาไปเข้าคิว เตรียมสแตมป์วีซ่า ผ่านตม. แล้วออกมาเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็รับสัมภาระจากสายพาน |
03.00 น. | พาเดินเท้าประมาณ 10 นาทีไปยังสนามบินภายในประเทศ Terminal 1D พาไปพาไปรอเช็คอินกับสายการบิน Indigo |
05.25 น. |
ได้เวลาบินไปเมืองศรีนาคา ด้วยไฟร้ท 6E 2607 ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 25 นาที |
06.50 น. |
ถึงสนามบินศรีนาคา รับสัมภาระ กรอกเอกสารเข้าเมือง แล้วพาไปขึ้นรถยนต์ที่เอเจ้นส่งมารับ เดินทางสู่ที่พักกลางทะเลสาบดาล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที แล้วขนสัมภาระลงเรือชิคาร่า นั่งเรือประมาณ 10 นาทีไปที่พัก แล้วแยกย้ายกันเข้าห้อง อาบน้ำแต่งตัว แล้วออกมาทานมื้อเช้าที่ห้องอาหารของบ้านเรือ |
09.00 น. |
นั่งเรือชิคาร่าไปท่าเรือ แล้วนั่งรถไปชมสวนโมกุลแห่งเมืองศรีนาคา |
เที่ยง | พาไปทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารหน้าสวนดอกไม้ |
บ่าย |
พาไปชมวัดฮินดูบนเขา เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างอุทิศแด่พระศิวะ รู้จักกันในชื่อ The Temple of Jyeshteswara (Shankaracharya) สร้างเมื่อ 220 ปีก่อนคริสตกาล เป็นสถานที่ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในเมืองศรีนาคา ก่อนเข้าไปในบริเวณวัดจะมีการตรวจอาวุธและห้ามนำกล้องถ่ายรูปขึ้นไป ระหว่างลงจากเขา รถจะจอดให้เราแวะถ่ายรูป และชมวิวเมืองศรีนาคาจากบนเขา เราสามารถมองเห็นป้อมปราการบนเขาและบ้านเรือ (Houseboat) กลางทะเลสาบดาล (Dal Lake) ได้อย่างชัดเจน |
เย็นๆ |
พานั่งเรือชิคาร่าเข้าที่พัก ถ้าใครอยากจะช้อปปิ้งซื้อสินค้าพื้นเมืองที่ตลาดนัดหน้าท่าเรือก็เชิญตามอัธยาศัย |
19.00 น. |
ทานมื้อเย็นพร้อมกันที่ห้องอาหารของบ้านเรือ |
วันที่ 3 : ศรีนาคา – พาฮัลแกม – บ้านเรือ | |
07.00 น. | ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่ห้องอาหารบ้านเรือ |
08.00 น. | ขึ้นรถยนต์ส่วนตัวเดินทางสู่เมือง Pahalgam หรือหุบเขาแกะ ตั้งอยู่ระดับสูง 2740 ม. เหนือระดับน้ำทะเล อยู่ห่างจากเมืองศรีนาคา 90 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ |
สายๆ | ไปถึง Pahalgam พาท่านขี่ม้าไป ณ จุดชมวิว Baisaran ซึ่งอยู่ในหุบเขา ล้อมรอบด้วยทิวสนสลับซับซ้อนสวยงามเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์บอลลีวูดของอินเดียหลายเรื่อง ระหว่างทางท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามรอบข้างถ่ายรูปกับหุบเขาที่สวยงามล้อมรอบด้วยทิวสนและมียอดเขาหิมะเป็นฉากหลัง มีฝูงแพะและแกะที่ชาวบ้านพามาเลี้ยงให้กินหญ้าอยู่เต็มหุบเขา ถ่ายรูปกันให้จุใจ ได้เวลาอันสมควร ขี่ม้ากลับลงมาด้านล่าง เดินเล่นชิวๆกับวิวสวยๆของหุบเขาที่มีสายน้ำที่ไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำริดเดอร์ที่พาฮัลแกม ช๊อปปิ้งสินค้าเมืองหนาว มีสินค้าให้เลือกซื้อมากมายทั้งเสื้อผ้า ของกิน ของใช้ ผลไม้อบแห้งและของที่ระลึกหลากหลาย ค่าขี่ม้าจ่ายกันเองนะคะ ประมาณ 800-1000 บาท ใช้เวลาไป-กลับประมาณ 2 ชม. |
เที่ยงๆ | ทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารในเมือง Pahalgam |
บ่ายๆ | พานั่งรถกลับศรีนาคา พานั่งเรือชิคาร่าเข้าบ้านเรือ |
ค่ำๆ | พานั่งเรือชิคาร่า ชมวิวรอบทะเลสาบ มีร้านค้ามากมายอยู่กลางทะเลสาบดาล ขายผ้าพาสมิน่า แจ็คเก็ตกันหนาวสวย กระเป๋าสะพาย กระเป๋าสตางค์ และขายของที่ระลึกอีกมากมาย ใครต้องการจะแวะร้านไหนก็แจ้งคนพายเรือได้นะคะ |
วันที่ 4 : ศรีนาคา-โซนามาร์ค-คาร์กิล | |
07.00 น. | ทานมื้อเช้าพร้อมกันที่่ห้องอาหารของบ้านเรือ วันนี้เราจะต้องอำลาบ้านเรือกันแล้วนะคะ ก่อนอำลาบ้านเรือ ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกกัน |
08.00 น. | นั่งเรือชิคาร่าสู่ท่าเรือ แล้วนั่งรถยนต์ส่วนตัว เดินทางสู่เมืองคาร์กิล ระหว่างทางเราจะแวะโซนามาร์ค ให้ท่านได้ขี่ม้าไปชมธารน้ำแข็ง (Glacier) แล้วปล่อยให้ถ่ายรูปกับวิวสวยๆที่ Sonamarg กันสักพัก หมายเหตุ : ค่าขี่ม้าจ่ายกันเองนะคะ ราคาแล้วแต่จะต่อรอง ประมาณ 600-700 บาท ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง |
Sonamarg เมืองที่ได้ชื่อว่า เป็นประตูสู่ลาดัก (Gateway to Ladakh) ตั้งอยู่ในหุบเขาซิน (Sindh) อยู่ห่างจากเมืองศรีนาคา 80 กม.นั่งรถประมาณ 2 ชม.เศษ เป็นจุดชมวิวที่มีน้ำตกและลำธารที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งบนยอดเขาหิมะ ล้อมรอบด้วยทิวสนสลับซับซ้อนเขียวขจีสวยงาม แต่ในช่วงฤดูหนาว (พย.- มีค.) ที่นี่จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน และเส้นทางรถยนต์จะถูกบล็อกด้วยกองหิมะมหึมา ตัดขาดการสัญจรไป-มา ระหว่างเมืองเลห์กับเมืองศรีนาคา | |
เที่ยง | ทานมื้อเที่ยงที่ภัตตาคารที่โซนามาร์ค |
บ่ายๆ | นั่งรถไปเมืองคาร์กิล ให้สมาชิกแวะถ่ายรูปกับวิวภูเขาหิมะสวยๆระหว่างทาง |
เย็นๆ | ถึงเมืองคาร์กิล พาไปเช็คอินที่โรงแรม แล้วออกมาทานมิ้อเย็นพร้อมกันที่ร้านอาหารในเมืองคาร์กิล หลังจากนั้นก็พาสมาชิกเดินชมเมือง ช้อปปิ้งกัน Kargil เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของลาดัก ถือว่าเป็นประตูสู่เลห์ เป็นเมืองที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ สังเกตุได้จากการที่สตรีจะมีผ้าคลุมศีรษะอยู่ทุกคน ระหว่างทางไปเมืองคาร์กิล เราจะผ่านเมือง Dras ซึ่งเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่ามีอากาศหนาวเย็นที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกที่มีประชากรอาศัยอยู่ สัมผัสได้ถึงอากาศที่หนาวเย็นยะเยือก |
วันที่ 5 : คาร์กิล – วัดลามายูรู–วัดอัลชิ–วัดลิกกี้ – พระราชวังเลห์-เจดีย์สันติภาพ | |
07.00 น. | ทานมื้อเช้ากันที่ร้านอาหารในคาร์กิล |
07.00 น. | อำลาคาร์กิลมุ่งหน้าสู่เมืองเลห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของลาดัก เราจะแวะนมัสการพระศรีอริยะเมตไตรย์ที่ Mulbekh Monastery ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนแกะสลักบนหน้าผาของภูเขาหินมีอายุกว่าพันปี (The statue of Maitreya Buddha) ตั้งอยู่ริมถนนเป็นทางผ่านสู่เมืองเลห์ ให้ท่านได้ลงไปไหว้พระ ถ่ายรูป แล้วเดินทางกันต่อ ผ่าน Fortula top ซึ่งเป็นจุดสูงสุดทางรถเส้นศรีนาคา-เลห์ (สูงจากระดับน้ำทะเล 4118 ม.) จากนั้นรถจะวิ่งผ่านหุบเขา Lamayuru หรือ Moon Land ซึ่งเป็นหุบเขาที่มีรูปร่างแปลกตา คล้ายพื้นผิวของพระจันทร์ เลยได้รับสมญานามว่าเป็น “ดินแดนแห่งหุบเขาโลกพระจันทร์” จอดให้สมาชิกลงไปถ่ายรูป แล้วเดินทางไปชมวัดลามายูรูกัน Lamayuru Monastery เป็นอารามที่ใหญ่ที่สุดในลาดัก สร้างขึ้นใน ศต.11 โดย Mahasiddhacharya Naropa ซึ่งเป็นปราชน์พุทธชาวอินเดีย บ้างก็กล่าวว่าวัดนี้สร้างโดยกษัตริย์แห่งลาดักก่อนแล้วในศตวรรษที่ 10 |
เที่ยง | แวะทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหารที่เมือง Khalsi ซึ่งเป็นร้านอาหารอยู่ในสวนแอ๊ปเปิี้ลและแอ๊ปปริคอต ร้านนี้บรรยกาศดีมาก อาหารก็มีให้เลือกหลากหลาย |
13.30 น. | ได้เวลาพอสมควรก็ออกเดินทางกันต่อ ระหว่างทางแวะชมวัดอัลชิ หรือ Alchi Gompa ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อายุเกือบพันปี ตั้งอยู่ในหมู่บ้านอัลชิ เป็นวัดเพียงแห่งเดียวที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนภูเขาเหมือนวัดอื่นในลาดัก จุดเด่นของวัดนี้คือด้านในมีงานศิลปะแกะสลักด้วยไม้และภาพจิตรกรรมฝาผนังโบราณอันทรงคุณค่า วัดสุดท้ายที่จะแวะชมในวันนี้คือ วัด Likir เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 และยังเป็นโรงแรียนสอนลามะน้อยอีกด้วย วัดนี้มีพระพุทธรูปพระศรีอริยะเมตไตรย์สูงถึง 25 เมตร ประทับนั่งอยู่กลางแจ้ง สามารถมองเห็นเด่นสง่ามาแต่ไกล |
16.00 น. | เราน่าไปถึงเมืองเลห์ เข้าที่พัก เก็บสัมภาระ ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นกันก่อนหลังจากเดินทางไกลมาทั้งวัน แล้วพาไปเที่ยวในเมืองเลห์กันต่อ |
16.00 น. | พาไปชมพระราชวังเลห์ (Leh Palace) ซึ่งอยู่ตรงกลางเมืองเลห์ แล้วนั่งรถไปชมพระอาทิตย์ตกที่เจดีย์สันติภาพ Shanti Stupa ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเลห์ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นเจดีย์สีขาวขนาดใหญ่โต สร้างอยู่บนเนินเขาสูง สร้างโดยชาวญี่ปุ่นเพื่อเป็นการประกาศพระศาสนาและแสดงถึงสันติภาพของโลก โดยมีองค์ดาไล ลามะเสด็จมาทำพิธีเปิดเมื่อปี 1985 และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงามแห่งเมืองเลห์และสามารถมองเห็นตัวเมืองเลห์จากมุมสูงได้ชัดเจน ในฤดูร้อนพระอาทิตย์ที่เลห์จะตกช้า เกือบสองทุ่ม |
19.00 น | พาไปทานมื้อเย็นกันที่ร้านอาหารในเมืองเลห์ แล้วพากันกลับที่พัก ใครจะช๊อปปิ้งกันต่อก็ตามอัธยาศัยนะคะ เดินกลับโรงแรมกันเองได้ค่ะ |
วันที่ 6 : Leh – Khardung La Pass – Nubra Valley – Sand Dune – Hundar Village | |
เช้า | หลังอาหารเช้า ออกเดินทางสู่หุบเขา Nubra นั่งรถประมาณ 4 ชั่วโมง ก่อนออกจากเมืองเลห์ จะแวะซื้อน้ำดื่มและผลไม้ที่ตลาดในเมืองไว้ทานในรถ แวะถ่ายรูปที่ Khardung La Pass ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นจุดสูงสุดของทางหลวงที่รถยนต์ผ่านได้ สูง 5,602 เมตรจากระดับน้ำทะเล |
เที่ยง | แวะทานมื้อเที่ยงที่หมู่บ้าน North Pulu หลังจากนั้นเดินทางกันต่อ ***ชมวัด Diskit เก่า เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในหุบเขานูบร้า ***ชมพระศรีอาริยะเมตไตรองค์ใหญ่แห่งหุบเขานูบร้าที่ วัดดิสกิตใหม่ (New Diskit) หลังจากนั้นพาไปเช็คอินที่เกสเฮ้าในหมู่บ้าน Hundar เก็บสัมภาระ แล้วออกมานั่งรับลมเย็นๆ ทานชา กาแฟ ของว่างกันก่อน |
Hundar Village ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านธารน้ำไหล เพราะบ้านทุกหลังจะขุดลำธารให้น้ำซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะบนยอดเขาไหลผ่าน ได้ยินเสียงน้ำไหลชัดเจน | |
17.00 น. | นั่งรถประมาณ20 นาทีไป Sand Dune ซึ่งเป็นทะเลทรายที่ตั้งอยู่ในหุบเขา Nubra เป็นทะเลทรายบนที่สูงในเขตหนาว ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในโลกเช่น ทะเลทรายอะตะกามาในชิลี อุณหภูมิในเวลากลางวันไม่สูงมาก แต่จะหนาวเย็นมากในเวลากลางคืนและมีหิมะตกในฤดูหนาว จะมีชาวบ้านนำอูฐมาบริการให้นักท่องเที่ยวขี่เดินเล่นกัน และถ่ายรูปอัตราค่าจ้าง 200 รูปี (90 บาท) ต่อ15 นาที (ค่าขี่อูฐจ่ายกันเองนะคะ) ได้เวลาพอสมควร พานั่งรถกลับที่พัก อาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่นกัน |
19.00 น. | ทานมื้อเย็นด้วยกันที่ห้องอาหารของเกสเฮ้าท์ แล้วเชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย |
วันที่ 7 : หมู่บ้านฮุนด้า – ทะเลสาบแปงกอง – ชางลาพาส – เลห์ | |
เช้า | หลังอาหารเช้า อำลาหมู่บ้านฮุนด้า ออกเดินทางไปยังทะลสาบแปงกอง เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงเศษ เนื่องจากถนนหนทางไม่ค่อยดี บางช่วงขรุขระ เกิดจากการกัดเซาะของหิมะที่ละลายในฤดูร้อน รถจึงวิ่งได้ไม่เร็วนัก แต่วิวระหว่างทางสวยจนต้องหยุดถ่ายรูปเป็นระยะๆ |
เที่ยง | แวะทานมื้อเที่ยงที่แค้มป์ระหว่างทาง ก่อนถึงทะเลสาบแปงกอง |
บ่าย | ถึงทะเลสาบแปงกอง (Pangong Lake) ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำกร่อยค่อนไปทางเค็มที่อยู่สูงที่สุดในอินเดีย ให้สมาชิกได้ใช้เวลาถ่ายรูปสวยๆกับทะเลสาบสีเทอร์คอยซ์ที่มีฉากหลังเป็นยอดเขาสีดินแดงที่ฉาบด้วยหิมะสีขาวบนยอด ดูสวยงามแปลกตา |
บ่ายแก่ๆ | พานั่งรถกลับเมืองเลห์ แวะถ่ายรูปที่ Changla Pass ซึ่งเป็นพาสทางรถยนต์ที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก สูง 5360 เมตร จากระดับน้ำทะเล |
เย็น : | ถึงเมืองเลห์ พาไปทานมื้อเย็นกันในร้านอาหารในย่าน Main Bazaar แล้วปล่อยให้เดินช๊อปปิ้งกันตามอัธยาศัย วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เลห์แล้วนะคะ ใครไม่อยากช๊อปปิ้งจะเดินกลับที่พักก่อนก็ได้ |
วันที่ 8 : เลห์ – เดลี – กรุงเทพ | |
07.00 น. | ทานมื้อเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม |
07.30 น. | นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง พาไปชมวัด Hemis เป็นวัดที่เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากของลาดัก หลังจากนั้นส่งท้ายด้วยการไปชมวัด Thiksey เป็นวัดในนิกายหมวกเหลืองที่โดดเด่นสวยงาม มีลักษณะคล้ายๆพระเราชวังโปตาลาในทิเบต |
11.30 น. | พาไปทานมื้อเที่ยงในร้านอาหารในย่าน Main Bazaar |
12.30 น. | เช็คเอ้าท์ นั่งรถไปสนามบินเลห์ ประมาณ 20 นาที เช็คอินกับสายการบิน Indigo โหลดสัมภาระ แล้วไปรอขึ้นเครื่องที่เกท |
13.55 น. | ได้เวลาบินไปเดลีด้วยไฟร้ท 6E 2402 ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 25 นาที |
15.20 น. | ถึงสนามบินภายในประเทศเมืองนิวเดลี Terminal 1 รับสัมภาระ พาเดินเท้าไปยังสนามบินระหว่างประเทศ อินทิรา คานที Terminal 3 อาคารผู้โดยสารขาออก เพื่อเตรียมต่อเครื่องกลับเมืองไทย ใครหิวก็หามื้อเย็นในสนามบินทานกันเองนะคะ ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน จึงยังไม่สามารถเข้าไปทานในร้านอาหารข้างในได้ แต่มีร้านคอฟฟี่ช็อปและร้านเบเคอรี่ขายแซนวิช ขนมปัง ชา กาแฟให้ทานรองท้องกันก่อน |
21.00 น. | เช็คอินน์กับบินไทยโหลดสัมภาระขึ้นเครื่อง หลังจากนั้นพาไปขึ้นเครื่องที่เกท |
23.30 น. | ได้เวลาบินกลับประเทศไทย ด้วยไฟร้ท TG 316 ใช้เวลาบิน 4 ชม.25 นาที |
วันที่ 9 : เช้าตรู่ 05.25 น.เดินทางถึงสนามบินสุรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ |
อัตราค่าทริป เป็นทัวร์แบบจอยกรุ๊ป ค่าทริปขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิก
สมาชิก 5 คน ค่าทริปคนละ 37600 บาท
สมาชิก 7 คน ค่าทริปคนละ 34600 บาท
สมาชิก 8 คน ค่าทริปคนละ 33200 บาท
สมาชิก 9 คน ค่าทริปคนละ 31300 บาท
สมาชิก 10 คน ค่าทริปคนละ 30300 บาท
สมาชิก 11 คน ค่าทริปคนละ 29200 บาท
สมาชิก 12 คน ค่าทริปคนละ 28600 บาท
หมายเหตุ :
***รับสมาชิกจำกัดแค่ 12 คนต่อกรุ๊ปเท่านั้น
***ถ้ามีกรุ๊ปส่วนต้ว 5 คนขึ้นไป สามารถกำหนดวันเดินทางเองได้
***สมาชิกต่ำกว่า 5 คน ขอยกเลิกการออกทริป
อัตรานี้รวม
* ค่าวีซ่าอินเดีย (ทำวีซ่าออนไลน์)
* ค่าอาหารหลัก 3 มื้อ น้ำดื่ม รวมชา กาแฟ ขนมขบเคี้ยวและผลไม้
* ค่าธรรมเนียมเข้าชมสวนดอกไม้ต่างๆ วัด-พระราชวังโบราณ สุสาน ป้อมปราการต่างๆ
* ค่าน้ำดื่มบรรจุขวด วันละ 1 ขวดลิตร ตลอดการเดินทาง
* ที่พักรวม 7 คืน (ที่อัครา 1 ที่บ้านเรือ 2 คีน คาร์กิล 1 คืน ที่เลห์ 2 คืน และที่หมู่บ้านฮุนด้า 1 คืน)
ห้องละ 2-3 คน มีห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่นอาบ
หมายเหตุ : ที่พักระดับปานกลาง จะไม่หรูหรา แต่เน้นความสะอาดและปลอดภัยและวิวธรรมชาติ
* ค่ารถพาเที่ยว ทั้งโปรแกรม
* ค่าจ้างผู้นำทริปจากเมืองไทย 1 คน
* ค่าประกันภัยการเดินทาง วงเงิน 1 ล้านบาท (เป็นประกันภัยกลุ่ม)
อัตรานี้ไม่รวม
*ค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ (การบินไทย) และตั๋วภายในประเทศ (อินดิโก้ แอร์ไลน์)
หมายเหตุ : ค่าตั๋ว 4 ไฟร้ท เช็คราคาตอนนี้ประมาณ 2xxxx บาท ถ้าสมาชิกจองทริปมาช้า
ค่าตั๋วอาจจะปรับสูงขึ้นมากกว่านี้
* ค่าทิป ไกด์ พนักงานขับรถ เด็กยกกระเป๋า พ่อบ้าน
* ค่าขี่ม้า ขี่อูฐ และค่ารถที่พาไปเที่ยวนอกสถานที่นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในโปรแกรมทัวร์
* ค่าน้ำอัดลม ค่าน้ำผลไม้ ไอศรีมและขนมต่างๆที่ท่านสั่งทานเอง
การจองทริป
โอนค่าตั๋วเครื่องบิน ทั้งสี่ไฟร้ท (ไป-กลับ-กรุงเทพ) เดลี และตั๋วภายในประเทศอินเดีย 2 ไฟร้ท (Delhi-Srinagar) และ (Leh-Delhi)
พร้อมค่ามัดจำทัวร์ท่านละ 5000 บาท ที่เหลือชำระวันที่ยื่นวีซ่าออนไลน์ ก่อนเดินทางครึ่งเดือนหมายเหตุ : เราจะเช็คค่าตั๋วก่อนแจ้งให้โอนเงินนะคะ
สอบถามรายละเอียดเพื่มเติม ติดต่อ ศิริพร : 098-2725406, 092-4341166
ไลน์ ไอดี : ssp061962
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวเลขที่ 11/11792
หมายเหตุ : ทริปนี้ค่อนข้างสมบุกสมบัน นั่งรถไกลและนาน เวลาอาจจะคลาดเคลื่อนจากที่กำหนดไว้ บางวันต้องทานมื้อเที่ยงตอนบ่ายสองบ้าง ท่านที่รักความสะดวกสบายและต้องทานอาหารเป็นเวลา กรุณางดร่วมทริป หรือท่านมีปัญหาสุขภาพ กรุณาโทรมาปรึกษาก่อนตัดสินใจ
จองทริปนะคะ